กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง ได้เรียกไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินมาชุมนุมกัน และประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
หากใครสามารถว่ายน้ำข้ามบึงที่เต็มไปด้วยจระเข้หิวโซจนถึงอีกฝั่งได้ พระราชาจะประทานรางวัลให้อย่างงาม
โดยผู้ชนะ จะสามารถเลือกรางวัลที่ต้องการได้ 1 อย่าง จากตัวเลือกทั้งหมด 3 อย่าง ดังนี้
อย่างที่ 1 คือ ปราสาทแสนสวยหลังใหญ่
อย่างที่ 2 คือ เพชรนิลจินดา มูลค่ามหาศาล
อย่างที่ 3 คือ ได้อภิเษกสมรสกับพระธิดาผู้เลอโฉมของพระองค์
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งกราบทูลพระราชา จะขอทดสอบเป็นรายแรก เขากระโจนลงไปในบึง แล้วว่ายน้ำอย่างรวดเร็ว
แต่ไปได้เพียงไม่กี่วา ก็ถูกจระเข้งับเข้าที่กลางลำตัว และพาดำดิ่งหายไปใต้น้ำ
ชายคนที่ 2 ขันอาสา เขาว่ายไปได้เกือบถึงกลางบึง แต่ก็ถูกจระเข้ลากจมหายไปอีกคน
พระราชาประกาศหาคนสมัครอีก แต่ทุกคนเงียบกริบ ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดัง ตู้ม! เหมือนคนตกน้ำ
และแล้วชายคนหนึ่งก็ตะกายว่ายน้ำข้ามบึงอย่างไม่คิดชีวิต จนกระทั่งไปถึงฝั่งตรงข้าม
พระราชาสั่งให้คนไปนำตัวชายผู้นั้นมาเข้าเฝ้าเพื่อประทานรางวัล
“เจ้าคือคนที่สามารถว่ายน้ำข้ามบึงจระเข้ไปได้ เจ้าสมควรจะได้รับรางวัลจากข้า จงบอกมาว่าเจ้าต้องการรางวัลอะไร ปราสาท เพชรนิลจินดา หรือจะแต่งงานกับลูกสาวของข้า”
“ข้าพเจ้า..ต้องการเพียง..อย่างเดียว..” ชายผู้นั้นตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ
“ข้าพเจ้าต้องการรู้ว่า..ใครเป็นคนถีบข้าลงไปในบึง!?”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางทีโอกาสดีๆ ในชีวิต ก็มักจะมาในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง
เมื่อเราได้รับโอกาสดีๆ แล้ว ต้องทำเต็มกำลัง ต้องลุยสุดชีวิต ทำเหมือนเป็นโอกาสสุดท้ายของชีวิต
บางครั้งเราอาจจะไม่อยากทำ แต่จำใจต้องทำ ก็อย่าไปคิดอะไรมากมาย
ขอให้คิดเพียงว่า “ก็ดีเหมือนกัน” เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา ก็เป็นได้
ขอบคุณแหล่งที่มา : มนุษย์ป้า ท้าเปลี่ยนโลก