เงินออก 15,000 จะจัดการอย่างไร ให้มีเงินเก็บ ไม่เป็นหนี้

เงินออก 15,000 จะจัดการอย่างไร ให้มีเงินเก็บ ไม่เป็นหนี้

เงินเดือนน้อย ไม่ใช่อุปสรรคของผู้ที่ต้องการจะออมเงิน เราไม่เถียงว่าการมีรายได้น้อยนั้น

อาจจะทำให้เกิดข้อจำกัดบางประการในการออมเงิน แต่มันก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหา หากคุณตั้งใจจะเก็บเงินจริงๆ

วันนี้เราขอเอาใจช่วยคนมีรายได้น้อย ให้เก็บเงินเพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้น โดยการนำเคล็ดลับการเก็บเงินมาฝากคุณผู้อ่านกัน

เปลี่ยนความคิด เรื่องเงินเดือนน้อย

การมีเงินเดือนน้อย ไม่ใช่อุปสรรคในการเก็บออม แต่ความคิดที่ว่า “มีเงินเดือนน้อยจะเก็บเงินได้อย่างไร

แค่ใช้จ่ายก็แทบจะไม่พอในแต่ละเดือนแล้ว” นี้ต่างหากเล่า ที่เป็นอุปสรรคในการเก็บเงิน

ความคิดนี้ตัดกำลังคุณ ทั้งๆ ที่คุณยังไม่ทันได้ลองเริ่มต้นเก็บเงินเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น ก้าวแรกในการเก็บเงิน

คือการเปลี่ยนวิธีคิดของคุณให้ได้ก่อน และมีความมุ่งมั่นว่าจะต้องเก็บเงินให้ได้ ไม่ว่าจะมีรายได้มากน้อยแค่ไหนก็ตาม

จดบันทึกทุกรายรับและรายจ่าย

เมื่อเปลี่ยนความคิด และมีความมุ่งมั่นที่จะเก็บเงินได้แล้ว สิ่งต่อมาที่คุณต้องทำคือ การจดบันทึกทุกรายรับและรายจ่ายของคุณ

ตั้งแต่ยอดเงินเดือนสุทธิที่ได้รับ ไปยันค่าขนมซองละ 10 บาทที่คุณซื้อ รวมไปถึงภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายจำเป็น

เช่น ค่าน้ำไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าบัตรโดยสารรถไฟฟ้า เป็นต้น ลงไปในสมุด วิธีนี้จะทำให้คุณรู้ว่า คุณมีค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเท่าไหร่

มีรายจ่ายอันไหนที่เป็นรายจ่ายจำเป็น ต้องจ่ายทุกเดือน รายจ่ายไหนที่ไม่จำเป็น และคุณสามารถตัดมันออกไปได้

มีเป้าหมายในการเก็บเงิน

การเก็บออมเงินเฉยๆ อาจจะทำให้คุณไม่มีแรงจูงใจ การเก็บเงินของคุณจึงล้มเหลว ไม่เคยเก็บได้เสียที

ลองตั้งเป้าหมาย ในการเก็บออมเงินของคุณดูสิ อาจจะเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อน เช่น อยากจะเก็บเงินเพื่อซื้อทองสัก 1 บาท

เพื่อเก็บเอาไว้เก็งกำไร เป็นต้น เมื่อคุณมีเป้าหมาย ก็จะทำให้คุณมีแรงจูงใจในการเก็บเงินมากขึ้น

และเมื่อคุณบรรลุเป้าหมายเล็กๆ ได้ ก็จะทำให้คุณมีความภูมิใจ และสามารถเก็บเงินก้อนใหญ่กว่าเดิมได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง

ออมก่อนค่อยใช้

หลายคนคงเคยได้ยินมาแล้วว่า “การเก็บออมเงินที่ได้ผลที่สุด คือการเก็บออมก่อน ค่อยนำเงินที่เหลือไปใช้จ่าย”

ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างทำใจยาก แต่ในเมื่อมุ่งมั่นที่จะเก็บเงินแล้ว ยังไงก็ต้องทำได้แน่นอน

จากการจดบันทึกรายรับรายจ่ายข้อที่แล้ว ซึ่งช่วยให้คุณรู้คร่าวๆ แล้วว่า คุณมีค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อเดือนเท่าไหร่

มีเงินเหลือใช้จ่ายเท่าไหร่ สามารถเก็บเงินได้เท่าไหร่ ทำให้เมื่อคุณได้รับเงินเดือนมา คุณสามารถเก็บเงินเอาไว้ก่อนได้ทันที

ซึ่งเงินออมนี้ไม่จำเป็นต้องแบ่งเก็บเอาไว้มากมาย ถ้าคุณมีรายได้น้อยก็เก็บออมน้อย มีมากก็ค่อยเก็บออมมาก

ตัวอย่างเช่น คุณมีเงินเดือน 15,000 บาท ออมเงินทันที เมื่อได้รับเงินเดือน 1,000 บาท หักค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อเดือน 7,000 บาท

เหลือเงินใช้จ่าย 7,000 บาท ก็ถือว่าคุณยังสามารถใช้ชีวิตทั้งเดือนได้แบบสบายๆ โดยไม่ลำบากมากนัก

หากคำนวนเป็นรายวัน ก็จะอยู่ที่ 7,000 หาร 30 = 233.33 บาท โดยคุณอาจจะปัดเศษค่าใช้จ่ายรายวัน เป็นวันละ 200 บาท

เพื่อให้ง่ายต่อการจัดสรรเงินแต่ละวัน (หรือง่ายต่อการกดเงินจาก ATM นั่นเอง) ส่วนเศษ 33.33 บาทในแต่ละวันนั้น

ก็หักเป็นเงินเก็บไป จะได้ถึง 33 x 30 = 990 บาท ต่อเดือน ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ในหนึ่งเดือน

คุณจะมีเงินเก็บ 1,990 บาท ในหนึ่งปี คุณจะมีเงินเก็บมากถึง 23,880 บาท ถือเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยนะคะ

เปลี่ยนนิสัยการใช้เงิน

จากตัวอย่างในข้อที่แล้ว ทำให้หลายคนอาจจะบ่นว่า เงินแค่วันละ 200 บาท จะไปพอใช้จ่ายแต่ละวันได้อย่างไร

เราขอบอกว่าพอใช้จ่ายแน่นอนค่ะ หากคุณเปลี่ยนนิสัยการใช้เงิน ให้เพียงพอกับจำนวนเงินต่อวัน

ตัวอย่างเช่น งดทานกาแฟสดราคาแก้วละหลายสิบบาท ไปทานกาแฟชงที่ออฟฟิศมีบริการฟรี

แม้ว่าจะต้องเสียแรงชงเอง แต่คุณไม่เสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว มีเงินเหลือไปใช้จ่ายอย่างอื่นในแต่ละวันได้อีก

หรืออีกทางหนึ่ง เหมาะกับคนที่ทำอาหารทานเองเป็นประจำ คือห่อข้าวกลางวันไปทานที่ทำงานด้วย

ก็จะช่วยประหยัดเงินรายวันของคุณ ไปได้อีกหลายบาทเลยทีเดียว

คิดให้นานก่อนซื้อของ

การซื้อของอะไร ที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือย เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา เป็นต้น หากคุณปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์

เงินเก็บของคุณก็จะหมดไปกับสิ่งของเหล่านี้ อย่าว่าแต่เงินเก็บเลย เงินที่จะนำไปใช้จ่ายรายวันก็ไม่เหลือเช่นกัน

แต่จะทำอย่างไรล่ะ เมื่ออยากได้ของฟุ่มเฟือยเหล่านั้นมาครอบครอง? หลายคนหันไปพึ่งพาบัตรเครดิต

และก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินตามมา เพราะว่าไม่มีเงินมากพอ ที่จะไปชำระบิลบัตรเครดิตเต็มจำนวน ต้องเลือกจ่ายขั้นต่ำ

ก่อให้เกิดดอกเบี้ยพอกพูนมากขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ ดังที่คนส่วนใหญ่ในประเทศ กำลังมีปัญหาอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง

หาลำไพ่พิเศษ

สำหรับผู้ที่มีเงินเดือนน้อย แต่อยากมีเงินเก็บมากกว่าตัวอย่างที่เราแนะนำไปข้างต้น คุณอาจจะลองหารายได้เสริม

เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตัวเอง ซึ่งในปัจจุบันนี้ การหารายได้เสริมนั้นง่ายแสนง่าย เช่น หากคุณมีความรู้ด้านภาษา

คุณสามารถรับแปลเอกสารต่างๆ ได้ หรือหากคุณมีความสามารถด้านการขาย คุณอาจจะหาสินค้ามาขายทางออนไลน์

โดยอาจจะเริ่มต้นที่ของเก่าภายในบ้าน มาขายมือสอง เมื่อเริ่มมีกำไรก็นำไปต่อทุน ขยายกิจการต่อไป

หรือหากมีความสามารถในการประดิษฐ์ของแฮนด์เมด ก็สามารถทำมาขายได้เช่นกัน

ลงทุนต่อยอดเงิน

เมื่อคุณเก็บเงินมาได้สักก้อน คุณสามารถนำเงินเก็บก้อนนั้นไปลงทุนต่างๆ ได้ ซึ่งแน่นอนว่าได้ผลตอบแทนดีกว่า

การเก็บเงินรอกินดอกเบี้ยเงินฝากเป็นไหนๆ เช่น ฝากในบัญชีฝากประจำ ซื้อพันธบัตร

กองทุนรวม หรือซื้อ LTF RMF เป็นต้น เพื่อทำให้เงินเก็บที่คุณมีอยู่ งอกเงยมากขึ้นไปอีก

ขอขอบคุณ m o n e y g u r u