1. พูดจาแนะนำ สอนสั่งโดยไม่ให้เกียรติ
“โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ยังมีงานให้ทำ ในช่วงวิกฤตแบบนี้”
“พี่ขอร้องเถอะนะ ไม่ต้องคิดที่จะทำอะไรเองเลย พี่เป็นหัวหน้า แค่ทำตามที่พี่สั่งก็พอ เข้าใจไหม” ฯลฯ
ลักษณะคำพูดทำนองนี้ ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำ เพราะลูกน้องของเราก็เป็นผู้ใหญ่ เป็นเพื่อนร่วมงานของเรา
ซึ่งการสอนผู้ใหญ่ จะไม่เหมือนกับการสอนลูก สอนเด็ก คนทำงานทุกคนมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน
ไม่มากก็น้อย พวกเขาต้องการแรงจูงใจ ต้องการประโยชน์ ที่จะได้รับจากการทำตามที่คุณแนะนำ
ลูกน้องทุกคนต้องการความเคารพ การให้เกียรติเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ไปยกมือไหว้หรือยกยอปอปั้นเขา
แต่เป็นการให้เกียรติ ในมุมมองการทำงานของเขา และประสบการณ์การทำงานของเขา
2. ตำหนิลูกน้องต่อหน้าเพื่อนร่วมงานคนอื่น
“ทำไมคุณถึงมีปัญหาอยู่คนเดียว คนอื่นเขาไม่เห็นมีปัญหาแบบนี้เลย”
“คุณอยากได้นู่นได้นี่ แต่ผลงานไม่เห็นเคยมีปรากฎเหมือนคนอื่นเลยนะ สักแต่พูด แต่คุณไม่เคยทำได้เลย” ฯลฯ
ถ้อยคำตำหนิต่อว่าลูกน้องทำนองนี้ ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน และลูกน้องคนอื่น ๆ รวมถึงการเปรียบเทียบว่า คนหนึ่งดี
แต่อีกคนไม่ดี เป็นการทำให้คนเสียหน้า เสียใจ เสียความรู้สึก ซึ่งเป็นสิ่งที่หัวหน้าไม่ควรทำอย่างยิ่ง
คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนคือ ควรเรียกลูกน้องเข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัว แล้วพูดถึงพฤติกรรม
ที่เฉพาะเจาะจงของเขาไปเลย ว่าทำอะไรผิดพลาด อยากให้เขาปรับปรุงแก้ไขอย่างไร เช่น คุณมาสาย 2 ครั้งสัปดาห์นี้
8.30 น. และ 9.45 น. ในขณะที่ต้องเข้างาน 8.00 น. ตรง ผมขอให้มาทำงานให้ตรงเวลานะ
3. ปิดกั้นความคิดเห็น และไอเดียของลูกน้อง
หลายครั้งหัวหน้ามักชอบพูดทำนองว่า “ไอ้ที่เสนอมามันก็ดีนะ แต่ว่าก็ลองกันมาหมดแล้ว มันไม่เวิร์ค อย่าเสียเวลาเลย” ฯลฯ
ประโยคแบบนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่ง ที่หัวหน้าต้องหยุดพูด เพราะหน้าที่ของหัวหน้าที่ดีคือ ต้องพยายามสร้างสรรค์
ให้ลูกน้องกล้าพูดกล้านำเสนอ ต้องสนับสนุนให้ทุกคนใช้สมองในการทำงาน ไม่ใช่หัวหน้าเก็บเอาไว้คิดคนเดียว
ทำทุกอย่างคนเดียว เอา Task List เอางานกลับไปทำที่บ้านคนเดียว จนเหนื่อยท้อ
หัวหน้าที่ดี จะต้องสนับสนุนให้ทุกคนทำงาน เพื่อให้เขาเติบโต
เพราะเขาเองก็สามารถทำได้ดี และอยากทำให้ดีที่สุดในอาชีพของเขาด้วยเหมือนกัน
4. ทำให้ความผิดของพนักงานส่วนน้อย กระทบกับบรรยากาศการทำงานโดยภาพรวม
เช่น ในกรณีแค่เรื่องมาสายของลูกน้องคนเดียว แต่คุณโกรธมาก เพราะรู้สึกว่าเขาไม่รับผิดชอบ เห็นแก่ตัว
จึงออกคำสั่งกับลูกน้องทุกคนว่า “การมาสายเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ต่อไปนี้ทุกคนต้องมาทำงานให้ตรงเวลา
ไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง” พร้อมกับส่งอีเมล์กำชับให้ทราบโดยทั่วกัน การกระทำลักษณะนี้ของหัวหน้า
ถือเป็นการเอาความผิดเล็ก ๆ ของคนคนเดียวมาเหมารวมทุกคน ทำให้เป็นเรื่องใหญ่
เอาความผิดของคนหนึ่งคน มาทำลายขวัญกำลังใจ และบรรยากาศในการทำงานจนหมดสิ้น
ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีกับลูกน้องทุกคนเป็นวงกว้าง เวลาที่คุณต้องการจะปลุกใจคน ดึงพลังของคนขึ้นมา
บรรยากาศถือเป็นเรื่องสำคัญมาก คุณบังคับให้ม้ากินน้ำไม่ได้ แต่คุณจูงม้าไปที่แม่น้ำ และสร้างบรรยากาศ
ให้ม้าอยากกินน้ำได้ ด้วยการทำให้เห็นม้าตัวอื่นกินน้ำแล้วมีความสุข จนเกิดความอยากกินตามไปด้วย
เพราะฉะนั้น หน้าที่ของหัวหน้าจึงต้องพึงระวังคำพูด รวมถึงท่าทางและน้ำเสียงของตัวเอง
เพื่อรักษาบรรยากาศที่ดี ในการทำงานเอาไว้ให้ได้ รักษาขวัญและกำลังใจของลูกน้องเอาไว้ให้ได้
5. กล่าวคำชมเชยแบบไม่เฉพาะเจาะจง
บางครั้ง หัวหน้าก็อยากสวมบทบาท เป็นนางฟ้าที่คอยชื่นชม ให้กำลังใจพนักงาน แต่คำชมของคุณ
บางทีก็กว้างเกินไป ไม่เฉพาะเจาะจง จนบางครั้งลูกน้องรู้สึกว่า “หัวหน้าเสแสร้ง” เช่น
“วันนี้ทุกคนทำดีมาก โอ้ ประเสริฐ ยอดเยี่ยม” คำชมทำนองนี้ มีลักษณะกว้างเกินไป
ควรปรับให้มีความเฉพาะเจาะจงลงไปเลย เช่น วันนี้ตอนที่น้องแก้ปัญหาให้ลูกค้า
น้องใช้เทคนิคการแก้ปัญหาที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงประเด็น น้องใช้น้ำเสียงไพเราะ
ยิ้มแย้มแจ่มใส พี่ขอบคุณมากนะคะ เป็นต้น การกล่าวคำชมแบบเฉพาะเจาะจงพฤติกรรม
จะทำให้เกิดการทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ในวิธีการทำงานที่ถูกต้อง ซึ่งส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เวลาที่หัวหน้าสั่งงาน ก็ควรสั่งให้ชัดเจน เพราะบางที คุณก็โมโห เพราะความไม่ชัดเจนของคุณเอง
เช่น ส่งงานพี่พรุ่งนี้เช้านะทุกคน พรุ่งนี้เช้าต้องได้งานทันที แต่คำว่าพรุ่งนี้เช้าก็ไม่ชัดเจนว่า คือกี่โมง
พอ 9 โมงเช้าไม่มีใครมาส่งงานที่โต๊ะ คุณก็หงุดหงิด โมโห ทั้งที่จริง ๆ แล้ว 10 โมง
หรือ 11 โมง ก็ยังถือว่าเช้าได้อยู่ ดังนั้น ในการสั่งงานของหัวหน้า จึงควรระบุให้ชัดเจน
เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด เช่น ส่งงานพร้อมกันที่โต๊ะพรุ่งนี้เช้า ก่อน 8.00 น. เป็นต้น
ลูกน้องจะทำงานได้ดีแค่ไหน ดึงเอาศักยภาพของตัวเอง ออกมาสร้างผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด
หัวหน้าถือเป็นบุคคล ที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยเป็นได้ทั้งคนที่คอยส่งเสริม และคอยบั่นทอนในเวลาเดียวกัน
ขึ้นอยู่กับว่า ดูแล แนะนำ และปฏิบัติต่อลูกน้องอย่างเหมาะสมหรือไม่ ดังนั้น ในทุก ๆ สถานการณ์ของการทำงาน
หัวหน้าจึงมีหน้าที่เสริมสร้างพลัง ให้กับทีม ลูกน้องทุกคน โดยต้องคอยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่ดี
ที่จะส่งผลเสียบั่นทอนไฟ และกำลังใจในการทำงานของลูกน้อง
ที่มา panjit