ในป่าอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์ทั้งหลาย ป่าแห่งนี้มีเสือครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่
ในระหว่างที่แม่เสือและลูกเสือกำลังเดินเล่นกันอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีหมาบ้าตัวหนึ่งเดินเข้ามาใกล้แม่เสือ
เมื่อแม่เสือเห็นดังนั้น จึงพาลูกเดินไปอีกทางเพื่อที่จะเลี่ยงการประชันหน้ากับหมาบ้าตัวนั้น
เพราะแม่เสือรู้ดีว่า.. ไม่ควรเสียเวลามาต่อกรกับพวกมัน แต่ลูกเสือกลับพูดขึ้นมาว่า..
“ทำไมแม่ถึงขี้ขลาดแบบนั้นล่ะ ขนาดเจอสิงโตก็ยังสู้กับมันได้เลย แต่หมาแค่ตัวเดียวกลับเดินหนี ไม่กล้าสู้กับมัน ไม่สมกับเป็นเจ้าป่าเอาซะเลย”
แม่เสือจึงตอบลูกกลับไปว่า.. “ลูกเอ๋ย เจ้ารู้หรือไม่.. ว่าหมาบ้าตัวนั้นมันเป็น หมาป่า”
“และการที่เราเอาชนะมันได้ มันไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจเลยสักนิด เผลอ ๆ ถ้าโดนมันกัด เราจะยิ่งซวย ติดเชื้อบ้ามาด้วยนะลูก”
“จงจำไว้นะลูก.. ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะ ที่จะมีค่าพอให้เราลดตัว เพื่อไปต่อสู้หรือทะเลาะด้วย”
เปรียบเหมือนกับการเอาชนะ คน 4 ประเภทนี้ ที่ไม่มีประโยชน์ที่เราจะเสียเวลาไปทะเลาะด้วย
1. คนที่ชอบอยู่เหนือคนอื่นตลอดเวลา
คนประเภทนี้จะชอบพูดจาให้ตัวเองดูดีไว้ก่อน ให้รู้สึกว่าได้อยู่เหนือคนอื่น ชอบคิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าคนอื่นเสมอ
และมักจะหาข้อตำหนิคนอื่น นิสัยแบบนี้จะเป็นผลเสียกับตัวเอง เพราะคิดว่าตัวเองไม่มีจุดด้อย จึงไม่เกิดการพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น
2. ใช้ความโมโหเพื่อกลบเกลื่อน
คนเหล่านี้มักจะแสดงอาการไม่พอใจออกมาทันที เมื่อการสนทนาออกมาไม่เป็นผลอย่างที่คิดเอาไว้
บางครั้งก็แสดงความก้าวร้าวด้วยท่าทางและคำพูด เพื่อเป็นการกลบเกลื่อนเรื่องที่พูดไปแล้ว ไม่เป็นอย่างที่หวังไว้
หากใครเจอคนแบบนี้ แนะนำให้อยู่นิ่ง ๆ ไว้ ไม่ต้องไปสนใจ แล้วเขาจะเป็นคนที่อึดอัดซะเอง
3. คนที่ชอบโยนความผิดให้คนอื่นเสมอ
คนที่เอาแต่โยนความผิดให้คนอื่นตลอดเวลา คนประเภทนี้เป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองทำ
ต้องคอยหาคนอื่นมารับแทน ไม่ยอมรับความจริง ทำให้ไม่มีการพัฒนาหรือปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
4. คนที่คิดว่าตัวเองถูกตลอด
คนแบบนี้พูดด้วยก็เหนื่อยเปล่า เพราะไม่ว่าคุณจะใช้เหตุผลมากมายขนาดไหน มาอธิบายให้เขาฟัง
เขาก็ยังคงเชื่อความคิดของตัวเองว่า ถูกต้องที่สุดเสมอ เรียกว่า เป็นคนที่ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่น
เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง แนะนำให้ถอยห่างคนแบบนี้จะดีที่สุด
เพราะเสียเวลาเปล่า ที่จะต้องมาอธิบายอะไรให้กับคนที่ไม่อยากรับรู้ฟัง
ที่มา chit-in