คุณนายคนหนึ่ง ได้ออกไปจ่ายตลาด เดินซื้อของเพื่อที่จะไปจัดงานเลี้ยงที่บ้าน
ทุกร้านที่คุณนายไปซื้อ ก็มักจะต่อราคาไปหมดซะทุกร้าน คุณนายได้ไปหยุดที่ร้ายขายไข่ร้านหนึ่ง
ถามราคากับชายชราที่เป็นพ่อค้าแผงไข่ ชายชราตอบว่า “ไข่ฟองละ 5 บาท คุณนายเชิญเลือกได้เลยครับ”
คุณนายคิดในใจ (ลองต่อราคาดูสักหน่อย เผื่อจะได้ถูกลงกว่าเดิม)
คุณนายจึงถามว่า “งั้นเอา 10 ฟอง 40 บาท ได้ไหมคุณตา”
คุณตาจึงตอบไปว่า “จริง ๆ ต้นทุนก็มาสูงแล้ว แต่คุณนายเป็นลูกค้าคนแรกของวันนี้เลย ยังขายไม่ได้เลย
งั้นให้คุณนายก็ได้ คิดว่าวันนี้จะเป็นการเริ่มต้นที่ดีก็แล้วกัน” ตกลงราคาและจ่ายเงินกันเสร็จสรรพ คุณนายก็กลับขึ้นรถ
แล้วไปพูดให้คนขับรถฟังอย่างภาคภูมิใจ ว่าต่อราคาของที่ตลาดได้เยอะ ประหยัดไปได้เป็นร้อย
ต่อมาคุณนายมีนัดทานข้าวกับเพื่อน ๆ ที่ภัตตาคารอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง เหล่าคุณนายก็พากันสั่งมาเยอะแยะ
เต็มโต๊ะไปหมด จนกินไม่หมดเหลือเกินครึ่ง พออิ่มกันแล้ว ก็เรียกพนักงานเก็บเงิน ร้านคิดเงินรวมเป็น 5,350 บาท
คุณนายก็ยื่นเงินให้พนักงาน 5,500 บาท แล้วบอกพนักงานว่า.. “ไม่ต้องทอนนะ”
จากเรื่องนี้ พอจะสังเกตเห็นอะไรไหม เงินจำนวนหลักร้อยที่คุณนายให้ภัตตาคาร
มันเป็นจำนวนน้อยนิดมาก ถ้าเทียบกับราคาอาหารแต่ละจาน แต่สำหรับพ่อค้าขายไข่คนนั้น มันคงเป็นความเจ็บปวดมาก
ถ้าพ่อค้าได้รู้ว่า คุณนายต่อราคาไข่เพียง 10 บาท ซึ่งอาจจะเป็นกำไรทั้งหมดที่เขาต้องขายไข่ให้ได้ 10 ฟอง
แต่คุณนายกลับจ่ายเงินเพิ่มได้เป็นร้อยบาทให้ภัตตาคาร โดยไม่ต่อสักบาท
มันน่าแปลก.. ที่ทำไมเราถึงชอบภูมิใจกัน กับการต่อราคาจากพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดได้
ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็ไม่ได้กำไรอะไรมากมาย แค่ได้กำไรนิดหน่อยพอได้ใช้ในแต่ละวัน
แต่กลับไม่กล้าต่อราคาสินค้าราคาแพง ที่วางขายตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหารแพง ๆ ที่เขาได้บวกราคาเพิ่มไว้หมดแล้ว