รอบตัวเรามีคนอยู่หลากหลายรูปแบบ บ้างก็ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น มีความสุข แต่บางคนก็ทำให้เราปวดประสาทตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว
เราจึงควรระวังคน 6 ประเภท ที่ถ้าเจอแล้วต้องรีบออกห่างให้ไว ก่อนจะกลายเป็น คนไม่น่าเข้าใกล้ ตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว
1. คนที่มองโลกในแง่ร้ายตลอดเวลา
ถ้าข้างตัวเรามีคนที่ชอบมองโลกในแง่ร้ายอยู่แทบจะตลอดเวลาแล้วล่ะก็ ออกห่างจากเขาได้ก็ออกห่างเถอะค่ะ
เพราะเขาจะมาพร้อมกับความหวาดระแวง คิดว่าแทบจะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปัญหา หรือความลำบาก และคิดว่าการกระทำของคนอื่น
มันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่เลย การที่เราอยู่ใกล้คนกลุ่มนี้บ่อย ๆ เข้า มีโอกาสที่จะก่อให้เกิดความเครียด ความกดดันได้ง่าย
และกลายเป็นคนขี้กังวลใจจนเกินไป คิดมาก คิดเยอะทั้ง ๆ ที่ ความจริงแล้ว อาจจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงก็ได้
และจะทำให้เรามองคนอื่นในแง่ร้ายตามเขาไปด้วย ก็เหมือนกับการที่เขาบอกว่า ให้เรานำพาตัวเองไปอยู่ในแวดล้อมที่ดี
อยู่กับคนที่มองโลกในแง่ดี ก็จะช่วยทำให้เรารู้สึกมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น ไม่ใช่การที่จะต้องระแวงไปทุกฝีก้าวนั่นเอง
2. คนที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอ
เชื่อว่าคุณจะต้องเคยเจอคนที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอ ฉันไม่ผิด เธอสิผิด แถมยังโทษว่าเรานั้นทำได้ไม่ดีอีกด้วย
ทั้งที่ความจริงแล้ว เราก็ยังไม่ได้ทำอะไรไม่ดี หรือผิดพลาดเลยเสียด้วยซ้ำ การอยู่กับกลุ่มคนประเภทนี้ รับรองได้เลยว่า
นอกจากเราจะต้องมาทำงานหนักขึ้นแล้ว ยังจะต้องมาปวดหัวโต้เถียงกับเขา โดยที่เขาก็ไม่ฟังอะไรจากใคร
ดังนั้น ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงออกห่างให้ไว จะได้ไม่เครียด และไม่ปวดหัวไปกับเขาด้วย
แต่บางครั้งชีวิตเราก็เลี่ยงคนประเภทนี้ไม่ได้จริง ๆ ยิ่งในชีวิตการทำงาน เราอาจจะเลือกไม่ได้ว่า
ฉันจะไม่ทำงานกับคนนี้ ฉันจะไม่ร่วมงานกับคนนี้เด็ดขาด ถ้าเป็นแบบนี้แล้วล่ะก็ เราก็ควรที่จะเลี่ยง ๆ เขาหน่อย
หรือไม่ก็พยายามปล่อยเขาไป อย่าเอาคำพูดของเขามาใส่ใจเราให้มากนัก เพราะสุดท้ายแล้วคนที่รู้สึกแย่ก็คือคนฟังอย่างเรานั่นเอง
3. คนที่เรียกร้องความสนใจ หรือขอความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา
กลุ่มคนประเภทนี้มักจะเป็นคนที่ชอบเรียกร้องความสนใจ พยายามที่จะทำให้คนรอบข้างอย่างเรา ๆ หันไปสนใจเขา
หรือบางคนก็ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แทบจะตลอดเวลา จนเรียกได้ว่า คนอื่นแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
นอกจากมาช่วยเขาในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งการที่เราอยู่ใกล้คนประเภทนี้
จะทำให้เราจัดการเวลาของตัวเองได้ยากมากขึ้น เพราะนอกจากจะต้องสะสางงานของตัวเองให้เรียบร้อยแล้ว
4. นักโกหก ปั่นเรื่องมืออาชีพ
แน่นอนว่าไม่ว่าใครก็ไม่อยากที่จะสนิทชิดเชื้อ หรือรู้จักกับคนที่ชอบโกหก แต่บางครั้งเราก็ไม่รู้หรอกว่าเขาแต่งเรื่องขึ้นมา
หรือโกหกอะไรเราบ้าง ถ้าโชคดีหน่อย เราก็จะเจอแค่คนที่เขาแต่งเรื่อง สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ
แต่ไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อน หรือเพิ่มภาระอะไร แต่โลกไม่ได้สวยงามขนาดนั้นเสมอไป บางครั้งเราอาจจะเจอบุคคลที่ชอบแต่งเรื่อง
หรือสร้างเรื่องราวให้คนอื่นมีภาระหน้าที่มากขึ้น โยนงานให้คนอื่นทำ หรืออาจจะถึงขั้นสร้างเรื่องให้คนเข้าใจผิดกัน แตกคอกัน
ถ้าเราเจอคนประเภทนี้แล้วล่ะก็ พยายามออกห่างจากเขาโดยด่วน เพราะอาจจะทำให้เราเดือดร้อนได้
และไม่ดีต่อสภาพจิตใจของเราแน่นอน แต่ก็อย่าลืมที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาเอาไว้หน่อย
เขาจะได้ไม่ว่าร้ายอะไรเรา หรือทำให้เราเดือดร้อนอะไรมากนัก
5. นางเอกไม่จริง มีอยู่จริงบนโลกนี้
อีกกลุ่มคนที่เราควรจะระวังเอาไว้ ก็คือคนที่พยายามจะทำให้ตัวเองนั้นดูน่าสงสาร ราวกับว่า ทุกคนรอบตัวของเขา
กำลังรังแกเขาอย่างหนักหน่วง ทั้งที่ความจริงแล้ว อาจจะไม่ได้มีเรื่องอะไรแบบนั้นก็ได้ จริงอยู่ว่า
การที่เป็นผู้ถูกกระทำนั้นเป็นเรื่องที่น่าสงสาร แต่เราก็ควรจะระวังเอาไว้ว่า เขาเป็นผู้ถูกกระทำจริง ๆ
หรือทำไปเพื่อให้คนอื่นดูร้ายแทน อาจจะดูเหมือนว่า กลุ่มคนที่ชอบทำตัวให้ดูน่าสงสารนั้นก็ไม่น่าจะมีผลอะไรต่อเรามากนัก
แต่ความจริงแล้วมันมีผลต่อสภาพจิตใจของเราแน่นอนค่ะ และอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับคนอื่นแย่ไปด้วยก็ได้
ไม่เพียงเท่านี้ การที่เราอยู่ใกล้คนกลุ่มนี้บ่อย ๆ อาจจะทำให้เรารู้สึกว่า โลกนี้มันช่างร้ายกาจ
จนกลายเป็นว่าตัวเราเองที่ชอบมองโลกในแง่ร้ายแทน จากประสบการณ์ของคนข้างตัวเรา
ซึ่งก็เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าการมองโลกในแง่ร้ายนั้น ไม่ดีต่อสุขภาพใจของเราเลย
6. คนที่เอาแต่เปรียบเทียบ แข่งขันอยู่ตลอดเวลา
ในชีวิตของเราอาจจะต้องพบเจอกับคนที่พยายามจะเอาชนะอยู่ตลอดเวลา หรือมองคนอื่นเป็นคู่แข่งขัน
เอาแต่เปรียบเทียบกับคนอื่น และหาทางที่จะเอาชนะเขา แม้ว่ามันจะมีเรื่องดีอยู่บ้าง
ที่เขาสามารถสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเองให้เก่งมากขึ้น แต่ความจริงแล้ว
การที่เอาแต่เปรียบเทียบ และแข่งขันเพื่อที่จะชนะนั้น อาจจะแลกมาด้วยความกดดัน ความเครียด ต้องทำงาน
หรือพยายามเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอย่างหนักหน่วง จนไม่มีเวลาพักผ่อน ซึ่งการที่เราอยู่กับกลุ่มคนประเภทนี้บ่อย ๆ
จะทำให้เรารู้สึกกดดันตัวเองอยู่โดยไม่รู้ตัวก็ได้ อาจจะทำให้เรารู้สึกว่าทุกอย่างดูเร่งรีบ ทำให้สภาพแวดล้อมไม่ค่อยดีนัก
บางคนอาจจะทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองนั้นด้อยค่า ไม่มีค่า ไม่เก่ง ทั้งที่ความจริงแล้วเราอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้
แทนที่จะได้รับแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเอง อาจจะกลายเป็นความท้อแท้ หรือมองว่าความฝัน
ความสำเร็จของเรานั้นอยู่ไกลกว่าเดิม บางคนอาจจะทำให้เรามีภาระหน้าที่ที่มากขึ้น จากการที่เขาเอาแต่แข่งขัน
จนโยนภาระหน้าที่บางอย่างมาให้เราทำแทนเขาก็ได้ แบบนี้ไม่ดีต่อกายและใจแน่นอน
สุดท้ายนี้ความจริงที่จะทำให้เรามีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี ก็คือการที่เรานำพาตัวเองไปอยู่ในแวดล้อมที่ดี
คนที่จริงใจต่อกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คนที่มองโลกในแง่ดี ก็จะทำให้ตัวเรามีชีวิตที่ดีตามไปด้วยนั่นเอง