1. ตอนซวยจะเข้าใจที่สุด
ยามตกทุกข์ได้ยาก จะรู้ว่าใครคือเพื่อนแท้ วันข้างหน้าจะได้รู้ว่า ควรเลือกคบคนประเภทใด
2. ตอนเจ็บไข้จะเข้าใจที่สุด
ร่างกายคือเลข 1 นอกเหนือจากนั้นเป็น 0 หมด ไม่มี 1 ต่อให้มี 0 มากมายเพียงใดก็ไร้ความหมาย
3. ตอนลงจากเวทีจะเข้าใจที่สุด
ขุนนางเป็นกันได้ชั่วขณะ เป็นคนเดินดินนั้นเป็นกันทั้งชีวิต
4. ตอนเกษียณจะเข้าใจที่สุด
ไม่ว่าตำแหน่งหน้าที่การงานจะเล็กหรือใหญ่ สักวันหนึ่งก็ต้องเป็นคนแก่ที่เกษียณเหมือน ๆ กัน
5. ตอนเข้าคุกจะเข้าใจที่สุด
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ที่ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ก็เพราะบุญและกรรมเก่ายังไม่หมด
วันใดบุญและกรรมเก่าหมด บุญบาปที่เคยได้ทำ ย่อมตอบสนองอย่างสาสม
6. ตอนใกล้สิ้นใจจะเข้าใจที่สุด
ตอนเกิดไม่ได้นำมา ตา ยก็ไม่อาจนำกลับไปได้ ทุกสิ่งที่ไขว่คว้าดั่งพยับแดด
เหมือนหยดน้ำค้างบนยอดหญ้าในยามรุ่งสาง พอพระอาทิตย์ขึ้นก็เหือดหาย
คิดดี พูดดี ทำดี ถนอมเวลาในขณะนี้ มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน
อย่าอยู่กับคนที่ทำให้คุณรู้สึกด้อยค่า อย่าแคร์คนที่ไม่สนใจว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร
อย่าเสียน้ำตาให้คนที่ไม่เคยหันมามอง เวลาคุณร้องไห้ อย่าเสียความเป็นตัวเองให้คนที่ไม่ให้เกียรติคุณ
อย่าหมดความมั่นใจ เพราะคำพูดของใครบางคน อย่าเสียเวลาพิสูจน์ ในสิ่งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
อย่ายอมทำทุกอย่าง เพียงแค่อยากเอาชนะ อย่าเบียดเบียนตัวเอง เพราะแค่อยากให้เขาพอใจ
อย่าเสียสละความสุข เพื่อแลกกับความรักปลอมๆ
อย่าฉุดรั้ง คนที่ไม่ได้ต้องการมีคุณอยู่ในชีวิต อย่ายื้อเวลา เพื่อให้เขาทำร้ายใจคุณซ้ำๆ
อย่าถามหาเหตุผล จากคนที่ชอบใช้แต่อารมณ์ อย่ารอคำขอโทษ จากคนที่ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองผิด
อย่าเสียเวลาอธิบาย ให้คนที่ไม่อยากรับฟัง
มันไม่ง่ายที่จะตัดใครสักคนจากชีวิต แต่มันก็ไม่ยาก ถ้าคุณรักตัวเองมากพอ
คุณต้องตัดสินใจ ว่าจะทนอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ หรือเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ “เลือก” อีกครั้ง
อย่ากลัวการสูญเสีย จนตัวเองกลายเป็นคนที่ “ไม่มีอะไรจะเสีย”
ที่มา นุสนธิ์บุคส์, Puipinnarat