กำลังเครียดหนัก เครียดจนนอนไม่หลับหรือเปล่าคะ ผลกระทบจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ณ ขณะนี้
ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การแพร่กระจายของโรคโควิ ด – 19 สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และผลกระทบอื่น ๆ จำนวนมาก
ทำให้ผู้คนต้องแบกรับกับภาระที่หนักอึ้ง ทั้งภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ปัญหาการว่างงาน และปัญหาอื่น ๆ ร่วมด้วย
สั่งสมมานานจนเกิดผลกระทบต่อสภาพจิตใจที่ตัวบุคคล นี่จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่า ทำไมอัตราของผู้ที่เป็นโรคเครียดนั้น
จึงมีสถิติที่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ วัน และนี่คือ 7 วิธีคลายเครียด เพิ่มพลังแห่งความสุขให้พร้อมสู้ชีวิต
1. ตื่นและเข้านอนเวลาเดิมทุกวัน
สาเหตุหลักที่มักจะทำให้อารมณ์ของเราแปรปรวน จนกระทั่งเกิดความเครียด ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ
นั่นคือการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือร่างกายไม่ได้รับการนอนหลับที่เต็มอิ่ม ทำให้สภาพร่างกายและจิตใจของเราเหนื่อยล้า
เกิดการหลั่งฮอร์โมนที่มากเกินความจำเป็น เป็นสาเหตุทำให้เกิดความเครียด นอนไม่หลับ
ดังนั้น หากต้องการขจัดความเครียดออกไปจากร่างกายและจิตใจของเรา จะต้องอาศัยวิธีการตื่นและเข้านอนในเวลาเดิมทุกวัน
จนกระทั่งทำให้ร่างกายสามารถปรับนาฬิกาชีวิตได้อย่างสมดุล เมื่อตื่นนอนในตอนกลางวันจะได้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าสดใสร่าเริง
2. ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล
เมื่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของเราอยู่ในสภาวะสมดุล ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถ ถอยห่างจากความเครียดได้
กิจวัตรประจำวันในทุก ๆ วันที่กระทำ จนเป็นสุขนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เด็ก เป็นอีกหนึ่งความสำคัญ ที่เป็นเหตุผลของสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดี
สิ่งที่เรามักกระทำเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อช่วยขจัดความเครียดได้นั้น คือการดูแลสุขอนามัยของเราให้ดี
ซึ่งการจะดูแลสุขอนามัยให้ถูกหลัก สามารถปฏิบัติได้ตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติ 10 ประการ ดังนี้
1) ดูแลรักษาร่างกายและของใช้ให้สะอาด
2) รักษาฟันให้แข็งแรง และแปรงฟันทุกวันอย่างถูกต้อง
3) ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังการขับถ่าย
4) กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตรายและหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด สีฉูดฉาด
5) งดบุหรี่ สุรา สารเสพติด การพนัน และการสำส่อนทางเพศ
6) สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่น
7) ป้องกันอุบัติภัยด้วยการไม่ประมาท
8) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพประจำปี
9) ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ
10) มีสำนึกต่อส่วนรวม ร่วมสร้างสรรค์สังคม
เมื่อเราสามารถปลูกฝังพฤติกรรมการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลได้ครบ 10 ประการดังกล่าว
นั่นคือ สิ่งที่สามารถช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิต เพิ่มพลังแห่งความสุข ขจัดความทุกข์ ลดความเครียดได้แน่นอนค่ะ
3. กินอาหารที่มีประโยชน์ให้ตรงเวลา
ยิ่งเครียด ยิ่งมองหาอาหารเข้าปาก นี่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย เมื่อเกิดความเครียดสะสมเป็นระยะเวลานาน
ยิ่งเครียดก็ยิ่งทานเยอะขึ้นไปเรื่อย ๆ หลายคนคงมองว่า การรับประทานอาหารในปริมาณที่มาก เพื่อช่วยลดความตึงเครียด ไม่ใช่เรื่องที่ผิด
แต่จะเลือกรับประทานอาหารอย่างไรต่างหาก ที่จะช่วยลดความเครียดได้จริง แถมเป็นการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วย
4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ขยับร่างกายเพียงเล็กน้อย เท่ากับช่วยผ่อนคลายความเครียด อีกหนึ่งกิจกรรมคลายเครียดเพื่อเสริมสร้างความสุข
แค่เคลื่อนไหวร่างกายด้วยท่าทางง่าย ๆ อย่างการยืดเส้นยืดสาย เดินไปเข้าห้องน้ำ การแกว่งแขนไปมาเพียงแค่ 3-5 นาที
ก็ช่วยลดความเครียดได้ หรือการออกกำลังกายอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโยคะ การวิ่ง การว่ายน้ำ
และสาระพัดวิธีมากมายในการออกกำลังกาย ที่จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมาที่เรียกว่า โดพามีน
เป็นสารเคมีในสมองที่ช่วยทำให้คุณเกิดความรู้สึกมีความสุข กระปรี้กระเปร่า รวมทั้งอัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้น
จากการออกกำลังกาย จะช่วยทำให้สามารถลดความเครียดได้ พร้อมทั้งผลิตฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ช่วยลดต้นตอปัญหาที่เกิดจากความเครียด ซึ่งการออกกำลังกายนั้นไม่จำเป็นต้องทำในทุก ๆ วัน
แต่ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูอาการเหนื่อยล้าจากความเครียด
แต่ควรออกกำลังกายแต่พอดี ไม่ควรหักโหมจนเกินไป เพราะจากผลดีจะกลายเป็นผลร้ายได้
5. จัดสรรเวลา สำหรับการทำงานและการพักผ่อน
รู้หรือไม่ การทำงานในแต่ละวัน หากไม่จัดสรรเวลาให้ดี ระวังความเครียดจะเข้ามา แทนที่ความสดใสร่าเริงในการทำงานของเรา
ในหนึ่งวัน เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่เป็นเวลาในการทำงาน ไม่เพียงพอต่อภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในการทำงาน
หากไม่ได้จัดสรรเวลาที่ชัดเจน อีกทั้งคนเราสามารถนั่งหรือยืนทำงานเป็นเวลานาน ๆ ได้จริงหรือ เมื่อคำถามนี้ ได้ถูกพิสูจน์ว่า
การจดจ่อทำงานในหลาย ๆ ชั่วโมงติดต่อกันนาน ๆ นั้น ไม่ได้ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ เท่ากับการทำงานที่มีการจัดสรรเวลาแห่งการพักผ่อน
เพราะการพักผ่อนร่างกายและสมองเพียงแค่ 5-10 นาที จะช่วยทำให้คุณเกิดไอเดียในการทำงานเพิ่มมากขึ้น
ควรเลือกทำงานที่มีความยากหรือต้องใช้ความคิดมากที่สุดก่อน เพราะเมื่อไหร่ที่สามารถทำงานยากให้ผ่านพ้นไปได้แล้ว
เราจะรู้สึกเหมือนยกภูเขาก้อนโตออกจากอก ความเครียดที่จะต้องทำงานในระดับยาก ๆ หรือมีความซับซ้อนของงาน
จะได้รับการผ่อนคลายโดยเร็ว หลังจากนั้นการทำงานที่มีระดับความง่ายทีหลัง
ก็จะสามารถกระทำได้อย่างราบรื่น สบาย ๆ ไม่ทำให้หนักสมองมากจนเกินไป
6. หาเวลาทำสิ่งที่ชื่นชอบ
เมื่อเกิดความเครียดเข้ามาแทรกในการดำรงชีวิต หรือเวลาในการทำงาน คงเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดไม่ใช่น้อยสำหรับใครหลายคน
นอกจากจะทำให้ไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตแล้ว เวลาทำงานก็ส่งผลให้สมองตื้อคิดอะไรไม่ออกอีกด้วย
เพราะฉะนั้น เมื่อถึงเวลาว่างจากการทำงาน หรือเวลาผ่อนคลายในช่วงวันหยุด อย่าพลาดที่จะมองหากิจกรรมคลายเครียด
ทำอะไรสนุก ๆ ในสิ่งที่คุณชอบ เพื่อกระตุ้นต่อมความสุข สดใสร่าเริงของตัวคุณ
ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ถ่ายภาพ ฟังเพลง ปลูกต้นไม้ เดินทางไปยังสถานที่ที่ชอบ และอื่น ๆ อีกมากมาย
เมื่อคุณได้ทำกิจกรรมที่ชอบแล้ว ร่างกายก็จะหลั่งสารเอนโดฟิลออกมาจำนวนมาก
รับรองว่าคราวนี้ คุณจะไม่รู้เลยว่าความเครียดคืออะไร เพราะชีวิตของคุณได้รับการผ่อนคลายไปเรียบร้อยแล้ว
7. พักจากการจ้องหน้าจอบ้าง
จ้องหน้าจอนาน ๆ ระวังน็อตในร่างกายหลุด ต้องมานั่งไขกันใหม่เพื่อทำให้ร่ายกายไม่ห่อเหี่ยว
หลังจากที่จ้องหน้าจอเป็นเวลานาน ๆ ผลกระทบหลักที่สร้างความเสียหายมากที่สุดคือ สายตาหรือดวงตาของเรานั่นเอง
แต่ผลเสียจากการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน ๆ ไม่เพียงแค่ดวงตาเท่านั้นที่ได้รับความเสี่ยง อวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายของเราก็เสี่ยงไปด้วยเช่นกัน
เช่น การที่ปวดศีรษะเรื้อรัง หรือการปวดกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่เรื้อรัง เป็นต้น เมื่อไหร่ที่ร่างกายของเราได้รับอาการบาดเจ็บ
เท่ากับเรากำลังร้องเรียกให้ความเครียดเข้าใกล้เรามากขึ้นทุกที และเมื่อไหร่ที่ความเครียดเข้ามากัดกินเรา
เมื่อนั้นจะทำให้ระบบร่างกายของเราทำงานแปรปรวนและผิดปกติไปจากเดิม
เพราะฉะนั้น เรามาป้องกันความเครียด โดยการหยุดจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน ๆ ด้วยกันนะคะ
ที่มา tiscoautocash