1. ไม่สนใจ “อนาคต”
จะเรียกว่าไม่คิดเผื่อหรือไม่รักตัวเองก็ตามแต่ การไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องอนาคต ถือว่าชีวิตคุณมีความเสี่ยงมาก
โดยเฉพาะในเรื่องของการเงิน หลายคนสนใจแต่ความสุขในวันนี้ แต่ถ้ายังประมาท จะเข้าข่าย รักสนุกจะทุกข์ขนัด
ดังนั้น ควรวางแผนการเงินสำหรับอนาคตไว้ใช้ยามฉุกเฉินกันด้วยนะคะ
2. คิดว่า “เร็วเกินไปที่จะออมเงิน”
จริง ๆ แล้ว ควรปลูกฝังนิสัยรักการออม ตั้งแต่ในช่วงวัยเด็กจะเป็นการดีมาก เพราะถือเป็นการสร้างวินัยที่จะไม่ทำให้คุณลำบากในภายหลัง
ที่สำคัญเลิกผัดวันประกันพรุ่ง หลังจากนั้นก็สร้างวินัยให้กับตนเอง ด้วยการออมต่อเนื่องสม่ำเสมอ แม้จะไม่อยากออมก็ตาม
เพราะวินัย คือการทำสิ่งที่ “ต้องทำ” แม้จะ “ไม่อยากทำ” ก็ตาม
3. ไม่สนใจ “หนี้”
น้อยคนนักที่จะ “ไม่มีหนี้” แต่คนมีหนี้หลายคน กลับให้ความสำคัญกับการ “ชำระหนี้” น้อยมาก
หรือบางคนไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการหนี้เลย และนั่นก็ย่อมทำให้เขาเหล่านั้น ตกอยู่ในวังวนของ “หนี้” อย่างไม่มีทางหลุดพ้นได้
เพราะเมื่อได้เงินมา ก็มัวแต่สนุกกับการใช้จ่าย กระทั่งดอกเบี้ย (หนี้) ทบต้นไปเรื่อย ๆ ในทางตรงกันข้าม คนที่อยากรวย
จะ “กลัวหนี้” มาก พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับ “หนี้” เป็นอันดับแรก เมื่อมีรายได้เข้ามา
ก็จะรีบชำระหนี้ก่อนสิ่งอื่นใด จนกระทั่งเป็นไท ปลดระวางหนี้ได้สำเร็จ
4. ไม่เคยตั้ง “งบประมาณ” ในการใช้เงิน
บริษัทก็ยังมีงบการเงิน ทำโปรเจคยังต้องมีประมาณการณ์ค่าใช้จ่าย เรื่องการเงินส่วนบุคคลก็เช่นกัน
หลายคนไม่เคยตั้ง “งบประมาณ” การใช้เงินเลย จะช้อปปิ้งปีใหม่ จะเที่ยว จะซื้อเสื้อผ้า ก็จัดเต็ม และสุดท้ายก็เกินความจำเป็น
เกินกำลังทรัพย์ของตัวเอง และกลายเป็น “หนี้” ในท้ายที่สุด วิธีการที่ง่ายกว่าก็คือ “ตั้งงบประมาณ” การใช้เงินทุกครั้ง
เช่น จะซื้อของวาเลนไทน์ให้คนรักไม่เกินกี่บาท จะไปเที่ยวทริปกลางปี งบประมาณรวมเท่าไหร่ หลังจากนั้นยึดมั่นกับสิ่งที่ตั้งไว้
ทำตามแผน ไม่ใช้เกินงบ รับรองว่าเราจะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปได้อย่างง่ายดาย
5. แยกไม่ออกว่า “จำเป็น” หรือ “ต้องการ”
วิธีการแยกง่ายที่สุดก็คือ ต้องรู้ว่าสิ่งไหนต้องมี (จำเป็น) ขาดไปแล้วจะใช้ชีวิตไม่ได้ อย่างเช่น ปัจจัย 4
หรือสิ่งไหนมีก็ดี ไม่มีก็ได้ (ต้องการ) ขาดไปแล้วยังใช้ชีวิตได้ แต่ถ้ามีแล้วชีวิตจะดีขึ้น เช่น อาหารจานหรู เสื้อผ้าแบรนด์เนม
หรือสิ่งไหนไม่จำเป็นต้องมี แต่ถ้าแยกไม่ได้และเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง อาจเป็นเหยื่อภาพลวงของ “ความจำเป็น” มันจะทำให้เรามีแต่จ่ายกับจ่าย ไม่มีที่สิ้นสุด
6. ใช้เงินเพิ่มขึ้น
ไม่ผิดหรอกถ้าคิดว่า “อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น” แต่อย่าลืมว่า ชีวิตที่ดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องมากับรายจ่ายที่มากขึ้นเพียงอย่างเดียว
ลองใช้ชีวิตให้ง่ายขึ้น เลิกเป็นนักสะสม แค่นี้ก็ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เพราะถ้าได้เงินเดือนเพิ่ม แล้วใช้จ่ายเพิ่ม (มากกว่าเงินเดือนที่เพิ่ม)
สุดท้ายอาจได้แค่ “อยาก” มีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะพฤติกรรมมือเติบ อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมา โดยเฉพาะหนี้สินที่พอกพูนแบบไม่ทันตั้งตัว
7. เป็นสาวกเทคโนโลยี
ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้เทคโนโลยีแล้วล่ะก็ จะรู้เลยว่าไม่มีวันหยุดสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ยิ่งเราวิ่งตามเท่าไหร่
เงินก็จะยิ่งไหลออกจากกระเป๋ามากขึ้นเท่านั้น และนั่นก็ทำให้รายได้ที่มากขึ้น “ไม่เคยพอ” ต่อการตามเทรนด์เหล่านี้
ไม่ผิดถ้าจะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ ไม่แปลกถ้าจะมีอุปกรณ์คู่กาย ไม่ใช่เรื่องเกินจำเป็น หากจะมีอุปกรณ์พกพามากกว่า 1 ชิ้น
เพียงแต่เราต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เราซื้อให้เต็มที่ และคุ้มค่า คุ้มราคาจริง ๆ
8. ไม่เคยจดเรื่อง “เงิน” ของตัวเอง
หลายคนไม่เคยแม้แต่จะจดเรื่อง “เงิน” ของตัวเอง ทั้งที่เป็นเรื่องที่ดีกับตัวเองแท้ ๆ เพียงเพราะคิดว่า เรารู้อยู่แล้วว่า รับ จ่าย ออม เท่าไหร่
จริงอยู่ที่เราอาจรู้ความเคลื่อนไหวเงินที่เข้า-ออกในกระเป๋า แต่นั่นอาจเป็นแค่ก้อนใหญ่ ๆ เท่านั้น
(เงินเดือน-หนี้บัตรเครดิต (รวม) – หนี้บ้านต่อเดือน ฯลฯ) แต่รายจ่ายจิปาถะ กาแฟ ขนม เสื้อผ้า อุปกรณ์ต่าง ๆ
หรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายปลีกย่อย ก่อนจะรวมเป็นหนี้บัตรเครดิตก้อนใหญ่ หลายคนไม่เคยแม้แต่จะสนใจ
และนั่นก็เป็น “รูรั่ว” เล็ก ๆ แต่สร้างผลกระทบยิ่งใหญ่ต่อสถานะการเงิน โดยที่เราไม่รู้ตัว