พูดจาดี ๆ กับคนในบ้าน เพราะไม่มีใครหวังดีเท่ากับคนในครอบครัว
เราควรต้องพูดจากันดี ๆ แต่ครอบครัวกลับเป็นที่ที่เราละเลยได้ง่ายที่สุด
ยิ่งแปลกหน้า ยิ่งสุภาพ ยิ่งเกรงใจ .. ยิ่งสนิท ยิ่งไม่ระวังคำพูด
เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีวันโกรธเรา เราก็มักใช้มีดทางวาจา พุ่งเข้าใส่คนในครอบครัว
ครอบครัวไม่ได้แข็งแกร่งไม่มีวันพัง และครอบครัวที่เป็นสุข ก็ต้องการการจัดการความสุขในครอบครัว
เริ่มจากพูดกันดี ๆ การอยู่ร่วมกันระหว่างสามีภรรยา การเคารพกัน สำคัญกว่าการตำหนิว่ากล่าว
ครอบครัวที่รู้จักพูดกันดี ๆ มักมีความรู้สึกเป็นสุขยิ่ง
คนสองคนที่อยู่เคียงกันนานปี มักคิดว่าไม่ต้องระวังน้ำเสียงและท่าที ในการพูดกับอีกฝ่าย
ความใส่ใจที่มีอยู่เดิม พอออกจากปาก กลับกลายเป็น “ตัดพ้อ” และ “ตำหนิ”
เมื่ออยู่ด้วยกันนานขึ้น ความอดทนเลือนหาย แม้จะเกิดจากความปรารถนาดี
แต่เวลาพูด ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย มีแต่กล่าวโทษ ตำหนิ
นานวันเข้ากลายเป็นวงจรอุบาทว์ ชีวิตครอบครัวจะเกิดรอยร้าว และเกิดวิกฤต
ปัญหาเล็กน้อยทุกปัญหาระหว่างสามีภรรยา จะมีผลกระทบต่อความสุขในครอบครัว
แม้จะเป็นคนสองคนที่สนิทสนมรักใคร่กันมาก ในชีวิตสมรสก็ยังเป็นคนสองคนที่เป็นปัจเจก
ต่างมีความรู้สึกของตน แม้จะสนิทชิดเชื้อกันเพียงใด ก็ถูกวาจาทิ่มแทงให้เสียใจได้
การโมโหโกรธเกรี้ยวใส่ญาติสนิท นับเป็นพฤติกรรมที่ไม่ฉลาด เขลา และอ่อนแอที่สุด
บ่อยครั้ง การเปลี่ยนวิธีพูด อารมณ์ของทั้งสองคนจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
พูดกันดี ๆ แสดงความใส่ใจกันให้มาก ตำหนิกันให้น้อย อย่าให้อารมณ์ฉุนเฉียวทำให้เกิดความขัดแย้ง
ไม่จำเป็นต้องตะโกน ตวาดใส่กัน คุยกันตามเนื้อผ้า คำนึงถึงอีกฝ่ายให้มาก
อย่าได้ถือว่าเป็นคนสนิทที่สุด แล้วพูดจาไม่ระวัง การพูดจาดี ๆ สำคัญมากสำหรับสามีภรรยา
ภายในครอบครัว ถ้าพูดจากันดี ๆ ไม่เพียงดีต่อคู่สามีภรรยา ยังดีต่อลูกด้วย การพูดจาดี ๆ เป็นแบบอย่างแก่ลูก
มีอิทธิพลอย่างสูงต่อการเลี้ยงดูลูกหลาน สำหรับลูกหลาน การชมเชยสำคัญกว่าการลงโทษ
การพูดจานั้น มีอารมณ์ทำให้คนฟังอบอุ่นก็ได้ การฟังคำพูดไม่เพราะทางวาจานั้นร้ายแรง ทำให้เกิดรอยแผลที่มองไม่เห็น
เด็ก ๆ มักแยกระหว่างความจริง กับการพูดเล่นไม่ออก พวกเขาจะเชื่อคำพูดที่พ่อแม่พูดเกี่ยวกับตน
แล้วทำให้มันกลายเป็นทัศนคติที่มีต่อตนเองไป พ่อแม่ไม่น้อย ถนัดสอนด้วยการ “โจมตี”
ซึ่งวิธีนี้ไม่อาจบรรลุเป้าหมายที่ทำให้เด็ก “ดี” แต่กลับมีผลกระทบต่อการเติบโตของเด็ก
เด็กที่ถูกตีหรือโจมตีบ่อย ๆ จะมีความรู้สึกด้อย มักร่วงลงสู่การปฏิเสธตนเองหรือสงสัยตัวเอง
การโจมตีที่มาจากพ่อแม่ ก่อเกิดผลร้ายที่ไม่เพียงเห็นด้วยตา มันยังเป็นเหมือนเข็ม
ที่มักทิ่มแทงหัวใจลูกหลานไปในวันคืนอันยาวนาน
ในทางกลับกัน ทางจิตวิทยา คำพูดที่มีผลกระทบพัฒนาการของเด็ก นั่นคือ การชมเชย การเชื่อมั่น
และการคาดหวังที่สูงขึ้น นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ เมื่อคนคนหนึ่งได้รับคำชม
เขารู้สึกว่าได้รับการสนับสนุน จึงเพิ่มความรู้สึกมีค่าของตนเอง เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง เคารพตนเอง
ได้รับแรงผลักให้ก้าวไปข้างหน้า และพยายามจะบรรลุในความคาดหวังที่คนอื่นมีต่อตน
พ่อแม่พูดดี ๆ กับลูก ครอบครัวจะสมบูรณ์มีความสุข การเป็นพ่อแม่ ไม่ต้องสอบ แต่ต้องศึกษา
เพราะความใส่ใจ คำพูดของคุณมีพลัง ทุกถ้อยคำในน้ำเสียง ล้วนมีความหมาย
เมื่อพูดจาดี ๆ ก็สุขใจ ไม่เย็นชา จงมั่นคง แต่ไม่กระด้างต่อคนที่รักคุณ และคนที่คุณรักอย่างดี
จำไว้นะ “ครอบครัวสำคัญที่สุด”