ปัญหาของคนที่ไม่มีเงินเก็บ ส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดจากการใช้จ่ายเกินความจำเป็น ส่วนนึงผมว่าก็น่าจะมาจาก “รายรับ” น้อยกว่ารายจ่าย
คิดง่ายๆ ว่ารายจ่ายเรามีหลายทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ค่าอาหาร บอกเลยว่าเยอะ แต่รายรับส่วนใหญ่มีแค่ทางเดียวก็คือ “เงินเดือน”
แล้วปัญหาก็คือ เงินเดือนในแต่ละปี บางทีก็ไม่ได้ขยับเพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเงินเดือนจะขยับปรับเพิ่มอะไรไม่ได้เลยซะทีเดียว
หลายๆ บริษัทก็เปิดโอกาสให้เราได้คุยกับหัวหน้างาน เรื่องการขอขึ้นเงินเดือนอยู่เหมือนกัน ส่วนตัวผมว่าเป็นทางที่น่าลองดู
เพราะยังไงผลออกมาเราก็มีแต่ได้ ถ้าหัวหน้าไม่ให้ ก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม แต่ถ้าได้ขึ้นเงินเดือนจริงๆ เราก็แฮปปี้ได้เงินเดือนเพิ่ม
ผมยังไม่เคยเจอนะที่เราเข้าไปขอเงินเดือนเพิ่ม แล้วหัวหน้าหมั่นไส้หักเงินเดือนเรา (ฮ่า) แต่ก็ไม่ใช่ว่าเดินดุ่มๆ
เข้าไปหาหัวหน้า ขอขึ้นเงินเดือนเลย มันต้องมีเทคนิคกันหน่อย แน่นอนว่าผมมีเทคนิคมาแนะนำ ดังนี้
1. ต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสม
เพราะโอกาสดีๆ มีไม่กี่ครั้ง การขอขึ้นเงินเดือนบ่อยๆ คงไม่ใช่เรื่องดีนักในมุมมองของหัวหน้า
แล้วการขอขึ้น “เงินเดือน” ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม อาจจะทำให้เราหมดโอกาสไปเลยก็ได้
ในช่วงเวลาที่โครงการใหญ่ๆ ของบริษัทประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุด
โดยเฉพาะถ้าเรามีส่วนร่วมในงานครั้งนั้นด้วย นอกจากจะเป็นโอกาสที่หัวหน้าจะเห็นถึง
ความสามารถของเราแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่บรรยากาศของบริษัทกำลังอยู่ในเชิงบวก
หรือจะเป็นช่วงที่หัวหน้าประกาศเงินเดือนขึ้นในแต่ละปี ถ้าเราไม่พอใจก็อาจคุย ณ ตรงนั้น เวลานั้นเลยก็ได้เช่นกัน
2. เริ่มพูดคุยอย่างมืออาชีพ
ถ้าอยู่ดีๆ โผล่พรวดเข้าไป “หัวหน้า..ขอขึ้นเงินเดือนหน่อยครับ/ค่ะ” ถ้าเจ้านายไม่ตกใจไล่ออกไปก่อน
ผมว่าก็ยากมากๆ เลยนะที่จะสำเร็จได้ การเกริ่นแบบมืออาชีพเป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน
เพื่อที่จะทำให้หัวหน้า รับรู้ถึงระดับความจริงจังของเรื่องที่เราจะคุย เราจึงควรทำน้ำเสียงที่จริงจัง น่าเชื่อถือ
ในวันที่จะขอคุยเรื่องสำคัญแบบนี้ การแต่งตัวดีๆ และต้องเป็นการนัดคุยต่อหน้า และพื้นที่ส่วนตัวเท่านั้น
อย่าชวนคุยเรื่องนี้ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน เพราะโดยทั่วไป เงินเดือนนั้นเป็นความลับ ที่ไม่ควรพูดคุยกันอยู่แล้ว
3. เฝ้ารออย่างสงบ
หลังจากผ่านการอธิบายเหตุและผล จนหัวหน้าเข้าใจแล้ว ไม่มีทางที่หัวหน้าจะเพิ่มเงินเดือนให้เราได้ทันทีหรอก
เรียกได้ว่าช่วงนี้ต้องทำตัวดีกันหน่อยล่ะ ระหว่างที่เฝ้ารอการพิจารณาจากหัวหน้า ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
การขาดงาน มาสาย หรือทำงานล่าช้า อาจจะลดความน่าเชื่อถือลงได้ ไม่ต้องถึงกับทำงานให้หนักขึ้น
เพราะอาจจะทำให้ดูเหมือนเอาหน้าเกินไป แค่ทำหน้าที่เดิมของตัวเอง ไม่ให้ขาดตกบกพร่องก็ช่วยได้มากแล้ว
สุดท้ายแล้วเราต้องยอมรับว่า ผลลัพธ์ไม่มีอะไรแน่นอนเลย การขึ้นเงินเดือนหรือไม่นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เราจะคาดเดาได้ 100%
ถ้าขอขึ้นไม่ได้ แล้วรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ก็อาจจะต้องลองหางานใหม่ไว้ก่อนก็ดีเหมือนกัน เพราะการจ้างงาน
เป็นความเห็นชอบทั้งสองฝ่าย ถ้าเรารู้สึกไม่ใช่ การถอยออกมาแล้วหาที่ใหม่ที่เราคิดว่าดีกว่า ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเหมือนกันนะ
ที่มา : m o n e y b u f f a l o