เทคนิค 7 ข้อ วางตัวให้หัวหน้ารัก เจ้านายชอบ แบบคนทำงานเก่ง

เทคนิค 7 ข้อ วางตัวให้หัวหน้ารัก เจ้านายชอบ แบบคนทำงานเก่ง

1. รักษาคำพูด

ทำตามที่พูดให้ได้ ข้อนี้สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการมาให้ตรงเวลา ส่งอีเมลไม่ให้ตกหล่น ปิดโปรเจ็คทันวันเดดไลน์

ทำยอดทะลุเป้า หากคุณทำตามที่พูดไว้ได้ทั้งหมด คุณจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ จากเจ้านายอยู่เสมอ

เผลอๆ อาจจะได้รับมอบหมายงานมากขึ้น รวมถึงตำแหน่งงานที่พุ่งขึ้นด้วย ลองคิดตามว่า สมมติคุณมีเก้าอี้ 2 ตัว

ตัวหนึ่งขาเป๋ นั่งแล้วโยกไปโยกมา จะหักวันไหนก็ไม่รู้ กับอีกตัวที่แข็งแรงมั่นคง นั่งยังไงก็ไม่หัก เจ้านายคุณจะเลือกนั่งตัวไหน

2. รับผิดชอบให้เป็น

จะรับผิดชอบ หรือจะเอาแต่อ้าง มันต้องมีสักครั้ง ที่เราผิดคำพูดบ้าง คงไม่มีใครทำตามที่พูดได้ทุกครั้ง แต่เมื่อคุณพลาดไปแล้ว

ก็จงยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าข้อผิดพลาดนั้นคุณจะไม่ได้ตั้งใจทำก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น คุณมาประชุมสาย

เพราะต้องพาลูกไปหาหมอ แทนที่จะอ้างกับที่ประชุมว่า “ขอโทษค่ะ เมื่อเช้าต้องพาลูกไปหาหมอกะทันหัน กลับมาไม่ทันจริงๆ”

ลองพูดว่า “ขอโทษที่มาสายนะคะ เชิญประชุมกันต่อได้เลยค่ะ ดิฉันจะตามเก็บข้อมูลที่ฟังไม่ทันหลังจบประชุมเองอีกทีค่ะ”

แทนดูสิ ถ้าบอสเรียกคุณไปคุยว่าทำไมมาสาย ค่อยอธิบายให้ฟังอีกครั้ง และย้ำว่าคุณจะตามงานให้ทัน

3. คิดบวก พูดบวก ให้เป็นนิสัย

จะขอร้องหรือจะตำหนิ ข้อนี้เราควรฝึกให้เป็นนิสัย โดยเฉพาะเวลาอยู่กับบอส มาลองดูข้อแตกต่างระหว่าง สองอย่างนี้กัน

คำตำหนิจะบอกว่า “งานนี้ใช้ไม่ได้/คุณมันใช้ไม่ได้” ในขณะที่คำขอร้อง จะบอกว่า “ดิฉันว่าเราควรทำแบบนี้ดีกว่าค่ะ..”

คำตำหนินั้นฟังดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ขี้บ่น งอแง กลับกันคำขอร้องจะทำให้คุณดูน่าเชื่อถือ และดูมีเหตุมีผลมากขึ้น

ดังนั้น แทนที่คุณจะบ่นกับบอสว่า “ฝ่ายการตลาดนี่ทำงานไม่ได้เรื่องเลย!” ลองเปลี่ยนเป็น

“บอสพอจะมีความเห็นไหมคะ ว่าเราควรจะทำงานกับฝ่ายการตลาดนี้ยังไงดี” จะฟังดูดีขึ้นทีเดียว

4. ให้ข้อเสนอแนะ

คำขอร้องข้อข้างบนว่าดีแล้ว แต่คำเสนอแนะดีกว่า วันก่อนดิฉันมีโอกาสคุยกับ HR คนหนึ่ง ที่ได้ลองใช้วิธีเปลี่ยนคำตำหนิเป็นคำขอแทน

จากตอนแรกที่จะบ่นว่า “ไม่มีใครเห็นหัวชั้นเลย บอกให้ทำอะไรก็ไม่มีใครฟัง” แต่เธอฉุกคิดได้ว่าพูดไปก็มีแต่เสีย

จึงเปลี่ยนเป็น “บอสช่วยคุยกับหัวหน้าแผนกให้ทีได้ไหมคะ ว่ารบกวนตอบอีเมล และมาตามนัดดิฉันด้วย” ฟังดูดีขึ้นใช่ไหม

แต่ยังไม่ดีที่สุด สุดท้ายเธอเขียนโน้ตวิธีแก้ปัญหาของเธอให้บอสอ่านแทนว่า “นี่คือหน้าที่ของดิฉันในที่ทำงานนี้ ดิฉันอยากให้บอสเช็คอีกครั้ง

ว่าถูกต้องไหม แล้วหลังจากนั้น ดิฉันจะแจกแจงให้เหล่าหัวหน้าแผนกฟัง และรับรู้โดยทั่วกัน” แบบนี้เธอได้ใจบอสไปเต็มๆ

5. โตด้วยตัวเอง

พนักงานหลายๆ คน เอาแต่รอ “เลื่อนตำแหน่ง” ไปอย่างไร้จุดหมาย สิ่งที่คุณต้องเปลี่ยนคือ คุณต้องบอกตัวเองว่า คุณเป็นเจ้านายตัวเอง

กำหนดเส้นทางชีวิตตัวเองได้ และรู้ว่าอยากเติบโตไปในทิศทางไหน แทนที่คุณจะเอาแต่รอโอกาสเลื่อนตำแหน่งแบบลมๆ แล้งๆ

คุณต้องคุยกับบอสตรงไปตรงมาไปเลย ชี้แจงว่าคุณสนใจทำงานในส่วนไหน และอยากจะเติบโต ในตำแหน่งอะไร

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยากเป็นผู้จัดการ ลองคุยกับบอสดูว่า ให้คุณเป็นคนดูแลเด็กฝึกงานดูได้ไหม หรือเสนอตัวเป็นหัวหน้าโปรเจ็คไปเลย

6. เฟรนด์ลี่เข้าไว้

เจ้านายส่วนใหญ่หูตาไวทั้งนั้น พวกเขาสังเกตได้ว่าใครชอบใคร ใครเกลียดใคร หากคุณแสดงให้บอสเห็นได้ว่า คุณเข้ากับทุกคนได้ดี

ทำให้ทุกคนทำงานได้ง่ายขึ้น คอยช่วยเหลือคนอื่นเสมอ ไม่นินทา (เจ้านาย) ไม่ก่อดราม่าในที่ทำงาน ทำให้เขาเห็นว่า คุณมีพลังบวกอยู่ในตัว

แค่นี้ก็ชนะใจบอสไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะอย่างน้อย เขาก็ไม่ต้องมาปวดหัวกับปัญหาหยุมหยิม อย่างใครเกลียดใครในที่ทำงาน

7. ช่วยให้งานบอสไหลลื่น

ข้อสุดท้ายที่คุณจะทำได้ก็คือ ทำให้บอสคุณทำงานง่ายขึ้นนั่นเอง บอสส่วนใหญ่เหนื่อยหน่ายกับการที่มีลูกน้อง ที่เอาแต่คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง

คิดแต่บริษัทจะช่วยอะไรเค้าได้บ้าง แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะช่วยอะไรบริษัทได้ ในฐานะลูกน้อง คุณควรจะคิดว่าจะสนับสนุนเจ้านายและบริษัทอย่างไร

ผู้ช่วยของดิฉันเองที่ชื่อแดน มักจะมีไอเดียดีๆ หรือข้อเสนอดีๆ ให้เสมอ มันช่วยได้เยอะทีเดียว ทำให้ดิฉันทำงานได้ง่ายขึ้น ไวขึ้น

การที่เขาคอยช่วยเหลือดิฉัน ทำให้ดิฉันเองก็อยากจะช่วยเหลือเขาเช่นเดียวกัน สักวันนึงถ้าคุณมาอยู่ในตำแหน่งบอสเมื่อไหร่

คุณก็จะอยากได้ลูกน้องแบบที่กล่าวมานี่แหละ ว่าแต่ตอนนี้ คุณมีกี่ข้อกันล่ะ? แล้วมีอย่างอื่นอีกมั้ย ที่คุณเคยทำแล้วรู้สึกว่าบอสของคุณประทับใจ

ขอขอบคุณ J u n j a o n e w s