วิธีเปลี่ยนเป็น “คนมีกินมีเงินเก็บ” ใช้เงินเป็น ไม่ขัดสน

วิธีเปลี่ยนเป็น “คนมีกินมีเงินเก็บ” ใช้เงินเป็น ไม่ขัดสน

ใกล้สิ้นเดือน เงินเดือนก็ใกล้จะออกแล้ว หลายคนเป็นโรคทรัพย์จางตั้งแต่ช่วงกลางเดือน

นั่นอาจเป็นเพราะยังบริหารเงินเดือนได้ไม่ดีเท่าที่ควร หากปล่อยไว้คงไม่ดีแน่

เราจึงมี 7 วิธีบริหารเงินมาแนะนำ เพื่อที่เดือนหน้าจะได้ไม่ต้องอด มีพอกินพอใช้ และเหลือออม

1. แบ่งเงินทันที

ทันทีที่เงินออก สิ่งแรกที่ต้องทำคือ จัดสรรเงินให้เป็นก้อนๆ ก้อนหนึ่งไว้ใช้จ่ายทั่วไปในชีวิตประจำวัน

ก้อนหนึ่งใช้หนี้ อีกก้อนหนึ่งไว้ให้รางวัลตัวเอง และต้องไม่ลืมแบ่งอีกก้อนเป็นเงินออม

ไว้เผื่ออนาคตด้วย ซึ่งการจัดสรรเงินนี้สามารถประยุกต์ได้ ตามรายรับรายจ่ายของแต่ละคน

2. ใช้จ่ายอย่างรู้ตัว

ถ้าของมันต้องมี คงไม่ดีถ้าไม่ซื้อ ความอยากได้ อยากมี อยากกิน อยากซื้อที่เกินความจำเป็น

ในชีวิตเรานั้นมีกันทุกคน ดังนั้น เราสามารถซื้อทุกอย่างที่ต้องการได้ ตราบเท่าที่มีเงินจ่าย

แต่ต้องยึดกฎเหล็กว่า จะต้องไม่สร้างหนี้ และไม่ไปดึงเงินก้อนอื่นที่แบ่งไว้แล้วก่อนหน้านี้มาใช้

3. ออมให้เป็นนิสัย

ไม่จำเป็นต้องอดทุกความสุข หมดสนุกกับทุกอย่าง เพราะเราวางแผนเองได้ว่าจะออมเท่าไหร่

จะใช้วิธีออมทีละนิดอย่างสม่ำเสมอ หรือจะเข้มงวดตามสูตรออมขั้นต่ำร้อยละ 10 ของรายรับก็ได้

แต่อย่าละเลยการออมเงิน เพราะเงินส่วนนี้นี่แหละ ที่จะช่วยให้อยู่รอดในยามคับขัน

รวมถึงเป็นเงินสำหรับใช้จ่ายในอนาคต ตามหลักแล้วเราควรมีเงินสำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน

อย่างน้อย 3 เดือน เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นก็ยังมีเงินใช้ และหากบริษัทมีสวัสดิการ

ให้พนักงานเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วยก็ยิ่งดี ซึ่งจะช่วยให้การออมเงินของเรานั้นง่ายขึ้น

หากเกิดกรณีที่จำเป็นต้องใช้เงิน หรือเกษียณงานไปแล้ว ก็มั่นใจได้ว่ามีเงินก้อนให้ใช้แน่นอน

4. บันทึกรายรับรายจ่าย

การควบคุมการใช้เงินที่ดีที่สุด ก็คือบันทึกการใช้เงินของตนเอง ซึ่งประโยชน์จากการเขียนรายรับรายจ่ายทุกวัน

จะทำให้เรารู้รายละเอียดการใช้เงินในแต่ละวัน ว่ามีเงินในกระเป๋าอยู่เท่าไหร่ หยิบใช้ได้มากน้อยแค่ไหน

เมื่อใช้จ่ายไปแล้วเหลือเท่าไหร่ อีกทั้งยังทำให้เราเห็นรายจ่ายส่วนเกินได้ง่าย

จึงช่วยให้ตัดค่าใช้จ่าย ที่เกินความจำเป็นทิ้งได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย

5. นำไปลงทุน

การลงทุนที่ดี คือการทำให้เงินที่นอนอยู่นิ่งๆ งอกเงยขึ้น ซึ่งเราสามารถนำเงินไปลงทุนได้

ตามรูปแบบที่สนใจและเหมาะสมกับรายรับรายจ่าย อย่างไรก็ตาม ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาวิธีการลงทุน ให้เข้าใจเป็นอย่างดี และเลือกปรึกษาคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น

6. บริหารการชำระหนี้

หนี้ที่ว่าคือ ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าบัตรเครดิต และอีกสารพัดหนี้ การวางแผนจ่ายหนี้จะช่วยให้การเงิน

ไม่ขาดสภาพคล่อง เช่น ชำระหนี้ให้ตรงเวลา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และค่าตามทวงหนี้

ชำระหนี้รายเดือน ให้ได้จำนวนเงินขั้นต่ำเป็นอย่างน้อย ถ้ายังมีเงินเหลือก็โปะหนี้ให้มากหน่อย

เพื่อลดเงินต้น หรือถ้าฝืดเคืองจริงๆ ควรเลือกจ่ายหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน เพื่อตัดวงจรดอกเบี้ยบานปลาย

7. รักษาสถานภาพทางการเงิน

การบริหารเงินจะต้องมีวินัย และปฏิบัติต่อเนื่องอย่างเคร่งครัด ถ้าเริ่มทำได้เป็นระบบอยู่ตัวแล้ว

ก็ต้องรักษาสถานภาพทางการเงินไว้ให้ได้ ตามมาตรฐานในตอนแรกด้วย ทั้งนี้อย่าลืมแผนสำรองปรับการใช้เงิน

ให้ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ด้วย เพียงเท่านี้สภาพการเงินก็จะคล่องตัว และมีความมั่นคงในระยะยาว

ที่มา : t o n k i t 3 6 0