บางคนไม่เคยรู้สึกพอใจสักที นั่นก็อยากได้ นี่ก็อยากมี พอได้มาแล้ว สุขได้เดี๋ยวเดียว ไม่นานก็อยากอีก เป็นตัวอย่างที่พบเจอได้บ่อยในยุคนี้
อาจเป็นเพราะสภาพสังคม เศรษฐกิจ ที่บีบรัดให้เรากลัวความยากจน ตื่นเช้ามาก็ตั้งหน้าตั้งตา ทำงานหาเงิน
กว่าจะได้แต่ละบาท แต่ละสตางค์ ไหนจะต้องเจอกับภาระรายจ่าย ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน จนทำให้บางคนเอียงเอนกับความโลภไปเรื่อยๆ
หลายคนยอมทำผิด เพราะอยากได้เงินเยอะๆ ให้ความสำคัญกับเงินมากเกินไป จนลืมนึกถึงคุณค่าที่แท้จริง หรือความงดงามด้านอื่นๆ ในชีวิต
1. เงิน คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
ประโยคนี้ได้ยินบ่อยๆ แต่ระดับการยอมรับของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เมื่อไหร่ที่คุณมีเงินเยอะ คุณจะรู้สึกเหนือกว่าคนอื่น
รู้สึกว่า ฉันวาสนาดีจัง ฉันเป็นคนมีเทรนด์ ได้ซื้อของตามที่ใจต้องการ กิน เที่ยว แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ซื้ออย่างเดียว
ยิ่งคุณรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นเท่าไหร่ คุณก็จะตัดสินผู้คนได้เร็วเท่านั้น ก็หมายถึงคุณสามารถที่จะใช้เงิน ฟาดหัวใครต่อใครได้
เพียงแค่คุณมีเงิน ในทางกลับกัน คนที่เข้าหาคุณ ก็คิดในแบบที่คุณคิดเช่นกัน นี่แหละที่เรียกว่าแรงดึงดูด คิดอย่างไรได้อย่างนั้น
บางคนยอมทำงานหนัก เป็นเครื่องจักรผลิตเงิน เพื่อแลกกับกระเป๋าหลักแสน ผิดถูกยังไงไม่สน ขอแค่ให้ฉันได้ในสิ่งที่ต้องการเป็นพอ
2. เงินซื้อได้ทุกอย่าง
สมัยนี้ ไม่มีเงินมันทุกข์เห็นๆ ยิ่งเป็นหนี้ยิ่งทุกข์หนัก ทำให้หลายคนหน้ามืดตามัว
หลงเดินทางผิด เพื่อเอาชีวิตรอด แต่ไม่สนชีวิตคนอื่น สุดท้ายต้องทุกข์หนักกว่าเดิม
3. มีเงินมาก เท่ากับ มีความสุขมาก
ไม่เสมอไปหรอก บางคนมีเงินในบัญชีหนึ่งแสน ก็สบายใจแล้ว มีมากกว่านั้นก็ดี แต่ความสุขจะเพิ่มขึ้นไหม? ก็คงไม่ เพราะทุกคนมีจุดที่ตัวเองรู้สึกพอใจ
หลายคนตั้งตาหาแต่เงินจนเกินพอดี ทำงานจนลืมใช้ชีวิต ลืมใส่ใจตัวเองและคนรอบข้าง กว่าจะรู้ว่าพลาดอะไรไปบ้าง ก็วันที่สูญเสียมันไปแล้วนั่นเอง
4. ใช้เงินกำหนดค่าของคน
ประเมินค่าของคนจากภายนอก วัดฐานะของคนจากสิ่งที่เห็น วัดความเป็นคนกันที่ทรัพย์สินเงินทอง
สิ่งนี้คือค่านิยมผิดๆ ที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก แค่มีตังค์ ภาพลักษณ์ก็ดูดีไปหมด ดูเก่ง ฉลาด พูดอะไรใครก็เชื่อ
สุดท้ายก็โดนหลอก โดนโกงสารพัด นี่แหละคือกับดักที่น่ากลัว ของการมองคนแค่เพียงเปลือกนอก
5. เห็นเงินสำคัญกว่าความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกัน
บางคนใช้เงินเป็นข้ออ้าง ในการทำร้ายจิตใจคนรอบข้าง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหนื่อย หงุดหงิดมาจากที่ทำงาน ก็มาลงกับคนที่บ้าน
ทีกับเจ้านาย กับลูกค้า หรือคนแปลกหน้า พูดนุ่มนวล ไพเราะคะขา สร้างภาพดูสุภาพน่านับถือ ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน
พอกลับถึงบ้าน ด่าสามี บ่นภรรยา ตะโกนใส่ลูก หงุดหงิดใส่แม่ ไม่เคยคิดถึงจิตใจคนใกล้ชิดเลย คนแบบนี้จะไม่เหลือใครในที่สุด