1. แม้จะไม่เก่งงานนี้ แต่ก็พยายามจนถึงที่สุด
บางครั้งเราอาจได้รับมอบหมายงานที่ไม่ถนัด ก็คิดเสียว่า ไม่เป็นไร ทำให้เต็มที่
แต่ก่อนทำ ก็บอกคนที่มอบหมายหน่อยว่า เราไม่ค่อยถนัดนะ แต่จะทำเต็มที่ ถ้ามีอะไรก็แนะนำได้เลย
เขาจะได้ไม่คาดหวังกับเรามาก แต่หากทำออกมาแล้วดี ก็ถือว่าเป็นกำไร
คนเราถนัดไม่เหมือนกัน ดังนั้น ไม่ต้องคิดมาก ทำให้เต็มที่ก็พอแล้ว
2. ไม่หวั่นเมื่อเจองานหนัก
เพราะงานไม่ได้หนักทุกวัน มีวันหนัก วันสบาย ปะปนกันไป เดี๋ยวก็ได้พักแล้ว ตอนงานเยอะอย่าท้อ
ท้อไปงานก็ไม่เสร็จอยู่ดี ฉะนั้น มาทุ่มเททำให้เสร็จดีกว่า เหนื่อยแค่ไหน เดี๋ยวก็ได้พัก
ช่วงงานเยอะ ก็จัดเวลาให้ดี หากคิดว่าจะไม่เสร็จตรงเวลา ก็ต้องรู้จักเจรจาต่อรอง
จากนั้นก็ค่อยๆ ทำให้เสร็จไปทีละงาน อย่าเครียด อย่ากดดันตัวเอง เดี๋ยวมันก็เสร็จ
3. ทุกอย่างผิดพลาดกันได้
เมื่อทำงานผิดพลาด อย่ามัวแต่โทษตัวเองเลย เปลี่ยนมาให้กำลังใจตัวเองดีกว่า
ถ้ามัวแต่จมกับความผิดเดิมๆ เราจะเอาเวลาจากไหน ไปแก้ไขให้มันถูกต้อง
เก็บความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไว้เป็นบทเรียน แล้วทำงานชิ้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม
ไม่มีใครจำเรื่องของคนอื่นได้นานหรอก แม้ใครจะว่าเราแค่ไหน แต่พอเดินพ้นหน้าเราไป
เขาก็คิดเรื่องอื่นแทน รู้แบบนี้แล้ว จะมาลงโทษตัวเองอยู่ทำไมล่ะ
4. ใครจะว่าอะไร ปล่อยให้เขาพูดไป
หากเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น ก็อย่าไปใส่ใจ เคยได้ยินคนพูดเรื่องการติดฉลากไหม
การติดฉลาก ก็คือการประทับตราว่า สิ่งนั้นๆ คืออะไร เพื่อให้ง่ายต่อการจัดประเภท
หากติดฉลากถูก..ก็ดีไป แต่ถ้าติดฉลากผิด สิ่งนั้นก็จะไม่เป็นตามที่ฉลากระบุไว้ เท่านั้นเอง
หลักการเดียวกัน เมื่อใครมาว่าคุณในเรื่องราวต่างๆ นานา แต่คุณไม่ได้เป็นอย่างที่เขาบอก
ก็ไม่เห็นจะต้องคิดมากนี่ อย่าใส่ใจกับฉลากที่เขาเอามาติดเราไว้
5. ให้เกียรติงานที่ทำ ด้วยการทุ่มเทอย่างเต็มที่เสมอ
อย่าบ่นว่าไม่ชอบงาน หรือเบื่องานเลยนะ ถามว่า งานหรือเปล่าที่ทำให้เราทุกข์?
มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก จริงๆ เราต่างหาก ที่ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์
เพราะนั่งพร่ำบ่นกับสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ งานมันก็เหนื่อยทุกงานนั่นแหละ สิ่งที่เราควรคิดก็คือ
งานเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีคุณค่า ทำให้ชีวิตเรามีความหมาย อย่าดูถูกงานของตัวเอง
