หนุ่มตกงานคนหนึ่ง พาลูกชายตัวน้อย นั่งรถประจำทางไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมาย
พอถึงตอนเที่ยง เขาได้พาลูกลงจากรถ เดินเข้าร้านอาหารตามสั่งละแวกนั้น
แต่เมื่อเปิดกระเป๋าตังค์ กลับพบว่า ตอนนี้เขามีเงินติดตัวอยู่เพียง 10 บาทเท่านั้น
ไม่พอซื้อข้าวให้ลูกกิน เขาบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “ชีวิตมันจะรันทดอะไรขนาดนี้เนี่ย”
ทันใดนั้น เขาก็หันไปพบกับเศรษฐีอ้วนในชุดสูท ท่าทางใจดี กำลังเดินผ่านมา จึงรีบปรี่เข้าไปหาทันที
แล้วพูดว่า “พี่ชาย ผมขอเงินสักนิดพอให้ผมได้พาลูกไปกินข้าวได้มั้ย ตอนนี้ผมไม่มีตังค์เลย”
เศรษฐีตกใจเพราะถูกทักโดยไม่ทันตั้งตัว แต่พอจับใจความได้แล้ว
เขาก็ยิ้มให้ แล้วตอบว่า “ก่อนจะให้ตังค์น้อง พี่ถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
ชายตกงานดีใจ รีบรับคำทันที “ถามได้เยอะๆ เลยครับพี่”
“ทำไมน้องไม่ลองหางานใหม่ๆ ทำ พอได้เงินมาเติมในบัญชีบ้างล่ะ” เศรษฐีถาม
ชายตกงานทำหน้าเศร้า เหมือนน้ำตาจะไหลเมื่อได้ยินคำถามนี้
เขากำมือลูกชายแน่น แล้วพูดออกไปว่า “ผมเจอมรสุมครับพี่ ผมตกงานจากบริษัทที่ผมทุ่มเทให้มาหลายปี
ภรรยาผมหนีกลับไปอยู่บ้านพ่อ เพราะผมไม่มีเวลาให้ เงินในบัญชีผมก็หมดไปกับหลายอย่าง
ตอนนี้ผมรู้สึกหมดไฟ และผมคงไม่มีค่าพอจะเริ่มงานใหม่ได้หรอกครับ” จากนั้นน้ำตาของเขาก็คลอเบ้า
เศรษฐีเห็นแบบนั้น ก็ควักเงิน 100 บาท ออกจากกระเป๋ามาถือไว้ในมือ
ก่อนจะพูดปลอบว่า “ใจเย็นนะไอ้หนุ่ม พี่พอเข้าใจ แต่พี่ขอคุยกับเจ้าหนูนี่ได้มั้ย”
“ได้ครับ” ชายตกงานรับคำ ก่อนจะหันไปบอกกับลูกชายวัย 5 ขวบ ในชุดเอี๊ยมว่า “พีซ หนูคุยกับลุงอย่างสุภาพนะครับลูก”
“ครับพ่อ” เด็กชายตัวเล็กดวงตาใสซื่อ เงยหน้ามองเศรษฐี
เศรษฐียิ้มให้แล้วเริ่มบทสนทนาว่า “พีซใช่มั้ยครับ ชื่อหนูน่ะ ลุงชื่อแดนนะ”
“ครับคุณลุงแดน” เด็กชายตอบ
“หนูช่วยทำอะไรง่ายๆ ให้ลุงหน่อยได้มั้ยครับ แค่ตอบคำถามอะไรบางอย่าง”
“ได้ครับลุงแดน” เด็กชายยิ้ม
“พีซรู้มั้ยครับว่านี่เรียกว่าอะไร” เศรษฐีนั่งย่อตัวเท่ากับเด็ก ก่อนจะชูแบงค์สีแดงในมือขึ้นมา
“แบงค์สีแดง เงิน 100 บาทครับ”
“หนูอยากได้มันมั้ยครับ” เศรษฐีถาม
เด็กชายเงยหน้ามองพ่อที่เฝ้าดูเหตุการอยู่ แล้วหันกลับมาตอบเศรษฐีว่า “อยากได้ครับ พีซจะเอาไปซื้อข้าวผัดให้พ่อ”
ชายตกงานได้ยินแบบนั้นถึงกับน้ำตาคลอเบ้าอีกครั้งหนึ่ง
เศรษฐีแหงนหน้ามองชายตกงาน แล้วพูดว่า “เฮ้ น้องชาย นายตั้งใจดูให้ดีๆ นะ” แล้วก็หันกลับมาสบตาน้องพีซอีกครั้ง
“น้องพีซครับ ลุงมีเกมให้เล่นเกมนึง เรียกว่าเกมถามปุ๊บตอบปั๊บ กติกาง่ายๆ หนูแค่ตอบว่าอยากได้ หรือไม่อยากได้ แค่นั้นนะครับ”
พีซพยักหน้า และทำท่าทางจริงจังในแบบของเด็ก
เศรษฐีเริ่มยืนตัวตรง ชูแบงค์ร้อยขึ้น แล้วถามคำถามที่หนึ่ง “พีซ หนูอยากได้แบงค์ร้อยนี้มั้ยครับ”
เด็กชายพยักหน้าแล้วตอบว่า “อยากได้ครับ”
เศรษฐีหันมายิ้มให้ชายตกงาน แล้วกระซิบว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้น อย่าเพิ่งวู่วามนะน้องชาย”
ชายตกงานที่เฝ้าดูเหตุการณ์ พยักหน้ารับแบบงงๆ ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
เศรษฐีขยำเงินแบงค์ร้อยเป็นก้อนกลมๆ แล้วโยนลงพื้น จากนั้นก็ถามเด็กว่า “พีซยังอยากได้เงินนี่อยู่มั้ยครับ”
“อยากได้ครับ” น้องพีซตอบแบบไร้เดียงสา แต่สิ่งไม่คาดฝันครั้งที่สองก็เกิดขึ้นอีก
เศรษฐีหยิบแบงค์ร้อยยับๆ ใบนั้นขึ้นมา ขยำหนักกว่าเดิม เขาโยนมันลงพื้นอย่างแรง
แล้วถามเด็กแบบลากเสียงอีกว่า “หนูยังอยากได้มันอยู่มั้ย”
น้องพีซหันไปมองหน้าพ่อที่กำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนหันกลับมาตอบว่า “อยากได้ครับลุงแดน”
จากนั้นสิ่งไม่คาดฝันครั้งที่สามก็เกิดขึ้น ครั้งนี้มีเสียงดัง ทำเอาชายตกงานหน้าถอดสี
และคนในร้านอาหาร รวมถึงคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน
เพราะเศรษฐีใช้เท้ากระหน่ำกระทืบเงินยับๆ ใบเดิมที่อยู่บนพื้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
สักพักเขาก็หันมาถามเด็กอีกว่า “พีซยังอยากได้มันอยู่มั้ยลูก”
เด็กชายมองด้วยแววตาใสซื่อ ก่อนยิ้มและตอบกลับว่า “อยากได้ครับลุงแดน”
เศรษฐียิ้มแล้วย่อตัวลงมาเท่าเด็ก จากนั้นก็พูดว่า “หนูชนะเกมนี้แล้วครับ
ลุงถามหน่อยสิ ทำไมหนูถึงยังอยากได้แบงค์ร้อยใบนี้ มันยับและสกปรกมากแล้วนะ”
“เพราะมันยังเป็นเงินไงครับลุงแดน” เด็กชายตอบ
เศรษฐีลูบหัวน้องพีซ ก่อนลุกขึ้นมาถามชายตกงานว่า “นายได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง น้องชาย”
“เอ่อ คือผม…” ชายคนนั้นยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่หาย ได้แต่คว้ามือลูกมากำไว้แน่น
เศรษฐีเอามือแตะบ่าชายตกงานเบาๆ ก่อนพูดว่า “ใจเย็น เป็นพี่ก็ตกใจ เดี๋ยวพี่เล่าเองนะ”
“ข้อคิดง่ายๆ จากเรื่องนี้คือ ไม่ว่าเงินนี้จะถูกกระทำยังไง น้องพีซก็ยังอยากได้มัน เพราะว่าคุณค่าของมันไม่ได้หายไปไหน”
ชายตกงานเริ่มเข้าใจ และมีสีหน้าดีขึ้น “หมายความว่า ที่พี่ชายทำเมื่อกี้คือ…”
“ใช่แล้ว พี่กำลังให้น้องพีซช่วยเตือนสตินายอยู่” เศรษฐีกอดคอชายตกงาน ชูเงินแบงค์ร้อยยับๆ ขึ้นมา
แล้วพูดต่อว่า “บางครั้งเราก็ถูกทอดทิ้ง บางครั้งเราก็ถูกกระทำ ถูกขยำแล้วขยำอีก
ถูกมรสุมชีวิตรุมเร้า จนเราต้องบอบช้ำ ครั้งแล้วครั้งเล่า ใช่มั้ยไอ้น้อง”
เขามองหน้าชายตกงาน แล้วพูดต่อว่า “จำไว้นะ ชีวิตคนเรามันอาจมีช่วงตกต่ำย่ำแย่
แต่เราต้องไม่ลดคุณค่าของตัวเอง คนเราก็เหมือนกับแบงค์ร้อยยับๆ ใบนี้แหละ
พี่เชื่อว่าทุกคนมีของดีอยู่ในตัว อย่างน้องก็แค่คนสิ้นหวัง เลยไม่อยากทำงานใหม่ๆ
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะประเด็นมันอยู่ที่น้องดูถูกคุณค่าของตัวเอง ดังนั้นจากนี้ไป
อย่าดูถูกตัวเองอีกนะ ไม่งั้นชีวิตน้องจะมีค่าน้อยกว่าไอ้เงินแบงค์ร้อยยับๆ นี่อีก”
ชายตกงานรู้สึกมีกำลังใจ เขายกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา และจดจำคำสอนของเศรษฐีคนนี้ตลอดไป
ขอบคุณแหล่งที่มา คิดกลับด้าน
เรียบเรียงโดย อ่านสนุก