แนวคิด 7 ข้อ ช่วยให้คนสร้างฐานะได้ คิดได้ก่อนรวยก่อน

แนวคิด 7 ข้อ ช่วยให้คนสร้างฐานะได้ คิดได้ก่อนรวยก่อน

สำหรับเหล่าวัยรุ่น ที่เพิ่งเรียนจบหมาดๆ หลายคนมีความคิดที่จะสร้างรากฐานที่ดีให้ชีวิต

แน่นอนว่าการสร้างรากฐานที่มั่นคงในชีวิต ไม่มีทางลัด ยิ่งเริ่มเร็วแค่ไหนยิ่งได้เปรียบ

และมีโอกาสประสบความสำเร็จได้เร็วกว่า แต่ก่อนที่จะไปได้ถึงจุดนั้น การวางแผนทางด้านการเงินที่ดี

เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งการวางแผนที่นี่แหละจะเป็นตัวช่วยให้เรามีกฎระเบียบในการเก็บออมเงิน

และเริ่มเข้มงวดกับตัวเองมากขึ้น การวางแผนทางการเงินไม่ใช่ทางลัด แต่จะเป็นตัวช่วยลดระยะเวลา

ในการเก็บออมเงิน เพื่อให้คุณเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ และช่วยลดข้อผิดพลาดได้

1. วางแผนการใช้เงิน

ก่อนจะวางเป้าหมายการใช้เงินเพื่อสร้างรากฐาน ควรวางลำดับเป้าหมายและกำหนดระยะเวลาในการใช้เงินก่อน

โดยการวางแผนการใช้เงินด้วยช่วงอายุ ว่าช่วงอายุเท่าไหร่ มีเป้าหมายจะมีอะไรเป็นของตัวเอง

เช่นช่วงอายุ 25 ปี เริ่มดาวน์รถในราคา 1 แสนบาท เป็นต้น ซึ่งการกำหนดเป้าหมายเป็นเรื่องที่ดี

แต่ไม่ควรกดดันตัวเองมากเกินไป โดยเป้าหมายของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด

การดาวน์บ้านหรือคอนโด ควรมีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง โดยปกติแล้วควรมีสำรองไว้ประมาณ 15-20%

ซึ่งการเลือกบ้านหรือคอนโดสักแห่ง ไม่ควรเลือกที่เกินกำลังผ่อนต่อเดือน

โดยปกติแล้วการผ่อนต่อเดือน ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ในแต่ละเดือน

รถ ปกติแล้วต้องมีเงินดาวน์ไม่ต่ำกว่า 20% ของราคารถ และควรคำนึงถึงราคาที่ผ่อนรายเดือนด้วย

ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน การจะผ่อนที่ราคาสูง ควรเช็คสภาพการเงินของตนเองให้ดี และไม่ควรเลือกราคาเกินตัว

2. ออมเงินไว้เผื่อฉุกเฉิน

เป็นเงินออมที่เก็บแยกออกมาจากข้อแรก นั่นก็คือเงินออมไว้เพื่อยามฉุกเฉิน เชื่อว่าหลายคนอาจมองข้าม

การเก็บเงินไว้สำหรับใช้ในยามฉุกเฉิน ควรเก็บเงินไว้เพื่อใช้ในส่วนนี้ประมาณ 5-10% จากรายได้ทั้งหมด

การมีเงินในส่วนนี้จะช่วยให้อุ่นใจเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน เช่น ค่าซ่อมแซมบ้าน ค่ารักษาพยาบาล รวมถึงสำรองไว้

เมื่อต้องโยกย้ายงาน ฯลฯ เก็บเงินส่วนนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ เวลามีเหตุฉุกเฉินจะได้ไม่เดือดร้อนไปถึงเงินออมของเรา

3. หารายได้ช่องทางอื่นบ้าง

ในยุคที่สื่อสังคมออนไลน์เป็นที่นิยม และคนไทยในปัจจุบันนิยมซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นส่วนใหญ่แล้ว

การสร้างรายได้จากช่องทางออนไลน์ ถือว่าเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก และใช้ต้นทุนต่ำกว่ายุคก่อนๆ เชื่อว่าวัยรุ่นยุคใหม่ทุกคน

ต่างคุ้นเคยกับสื่อออนไลน์เป็นอย่างดี ซึ่งช่องทางนี้แหละที่จะเป็นรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำได้

บางคนสามารถหารายได้จากการซื้อขายของออนไลน์ ได้รายได้เท่ากับเงินเดือนประจำ หรือมากกว่าได้เลยทีเดียว

รวมถึงสามารถรับงานฟรีแลนซ์ เพื่อสร้างรายได้เสริมได้อีกช่องทางหนึ่ง เช่น งานกราฟฟิคดีไซน์เนอร์ฟรีแลนซ์ งานเขียนฟรีแลนซ์ ฯลฯ

4. กำหนดรายจ่าย

ค่าใช้จ่ายรายเดือนทั้งหลายก็ต้องลิสต์ไว้ด้วย การเช็คลิสต์และแบ่งหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายต่างๆ จะช่วยให้เราระมัดระวังการใช้เงิน

และกำหนดค่าใช้จ่ายได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายใหญ่ๆ แบ่งตามหมวดได้ดังนี้ ค่าผ่อนรถ ค่าผ่อนบัตรเครดิต ฯลฯ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

5. แบ่งเงินไว้เก็บ

การวางแผนการเงินเป็นเรื่องสำคัญ ขั้นนี้คือพื้นฐานในการเก็บออมเงิน คือการวางแผนรายรับรายจ่ายให้ดี

เชื่อว่าหลายคนอาจมองข้ามการทำบัญชีรายจ่ายส่วนตัว เป็นวิธีที่จะช่วยให้เราระมัดระวังการใช้จ่ายได้มากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ได้เงินเดือนมา อันดับแรกก็ทำการแยกบางส่วนไปไว้ในบัญชีเงินออม อาจจะแบ่งมาประมาณ 15-20%ของรายได้

แล้วส่วนที่เหลือก็คือส่วนที่ไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือกำหนดค่าใช้จ่ายต่อวัน ว่าวันนึงจะใช้จ่ายเท่าไหร่ เป็นต้น

6. เงินออม

การที่เราลิสต์ค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดนี้ ถือเป็นการวางแผนทางการเงินเบื้องต้นที่นำไปใช้ได้จริง และช่วยลดปัญหา

ทางการเงินต่างๆ ที่อาจตามมาได้เยอะเลยทีเดียว ทั้งนี้หนี้สินในแต่ละเดือน ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน

7. การสร้างครอบครัว

ควรเก็บเงินก้อนสำหรับการสร้างครอบครัวโดยเฉพาะ เพราะการจัดงานแต่งงานสักครั้ง อาจจะใช้เงินสูงถึงหลักแสนเลยทีเดียว

รวมทั้งควรเตรียมความพร้อมทั้งค่าคลอด ค่าเลี้ยงดู ควรมีรายได้สม่ำเสมอ การลงทุนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี

ที่จะช่วยให้เงินงอกเงย และสามารถสร้างความมั่นคงได้ เริ่มลงทุนง่ายๆ ด้วยการเก็บเงิน 10-15% จากรายได้ทั้งหมดต่อเดือน

เพื่อนำมาต่อยอดลงทุน ซึ่งการลงทุนแต่ละประเภทก็มีความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป ควรเช็คความพร้อมของตัวเองให้ดี

การวางแผนการใช้เงินสำหรับวัยรุ่นนี้ เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจในทุกวันนี้แล้ว

ยิ่งต้องวางแผนให้ดี ซึ่งการวางแผนการเงินนี้จะช่วยให้เราเห็นเป้าหมาย ระมัดระวังการใช้เงิน และกำหนดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น

ที่มา : อิ ห ยั ง ว ะ