หลายคนคิดว่า เวลาของพ่อแม่ยังมีอีกมาก จึงละเลยที่จะใช้เวลานั้นเพื่อท่าน

หลายคนคิดว่า เวลาของพ่อแม่ยังมีอีกมาก จึงละเลยที่จะใช้เวลานั้นเพื่อท่าน

หลายคนคิดว่า เวลาของพ่อแม่ยังมีอีกมาก จึงละเลยที่จะใช้เวลานั้นเพื่อท่าน ทั้งๆ ที่นั่นคือ

“โอกาสทอง” ที่เหลือน้อยลงทุกที สุดท้ายเมื่อท่านจากไป ก็มาเสียใจ รู้สึกผิดภายหลัง

มีคนจำนวนไม่น้อยที่เป็นแบบนี้ เมื่อพบว่าพ่อแม่ป่วยหนัก อยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิต

เขาจะทำใจไม่ได้ ที่จะให้ท่านจากไปตามวิถีธรรมชาติ หรือตามจังหวะของสังขาร

แต่จะทำทุกวิถีทางเพื่อยื้อชีวิตท่านให้ยืนยาวมากที่สุด ในขณะที่พี่น้องที่ดูแลท่านมาแต่แรกโดยตลอด

รู้ดีว่าการยื้อชีวิตอย่างนั้น เป็นการทรมานคนไข้ เพราะต้องเจาะคอ ใส่ท่อ ใช้เครื่องช่วยหายใจ

ปั๊มหัวใจ สารพัดที่คนดูแลพ่อแม่มาตลอดตระหนักดีว่า หากท่านจากไปอย่างธรรมชาติ

นั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่าน แต่คนที่ไม่เคยมีเวลาให้กับพ่อแม่เลย

เมื่อจังหวะนี้มาถึง เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ท่านจากไปอย่างธรรมชาติ

แต่เขาจะยื้อไว้ให้ได้นานที่สุด ในนามของความกตัญญู แล้วก็ไม่ตระหนักเลยว่า

การทำเช่นนั้น จะทำให้ท่านทุกข์ทรมานอย่างไรบ้าง บางทีท่านส่งสายตาวิงวอน

เพราะพูดไม่ได้ แต่ถึงตอนนั้น ใครๆ ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะว่าหากถอดท่อ

หรือปิดเครื่อง ก็ไม่มั่นใจว่าการทำเช่นนั้น จะเป็นปาณาติบาตหรือไม่

ดังนั้น จึงต้องยื้อไปเรื่อยๆ ทั้งนี้เพียงเพื่อตอบสนองความรู้สึกของลูก ว่าได้ทำดีที่สุดแล้วกับพ่อแม่

ทั้งๆ ที่ตอนท่านยังสุขสบายดีอยู่ ลูกกลับไม่มีเวลาให้ท่านเลย ครั้นท่านป่วยและพร้อมจะจากไป

กลับพยายามยืดชีวิตท่าน กลายเป็นการเพิ่มหรือยื้อความทุกข์ทรมานของท่าน

แต่ถ้าเราทำหน้าที่อย่างดีที่สุดกับท่านแล้ว ในขณะที่ท่านมีสุขภาพดี เมื่อถึงเวลาที่ท่านจากไปก็ยอมรับได้

ครั้นท่านจากไปก็ไม่รู้สึกผิด เพราะมั่นใจว่าได้ทำหน้าที่ ที่สมควรทำต่อท่านแล้ว

ที่มา พระไพศาล วิสาโล